เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง อยู่ปากเหว วัดพลัง แพทองธาร ชินวัตร

แม้ว่า สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เปิดเผยตัวเลข GDP GROWTH ไทย ไตรมาส 2/2567 ว่า เติบโต 0.8% จากไตรมาสก่อน และขยายตัว 2.3% ไตรมาสเดียวกันปีก่อน ซึ่งสูงกว่าคาดที่ 2.2% แต่กลับพบว่า การลงทุนรวม ลดลง 6.2% จากการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง 6.8% และการลงทุนภาครัฐที่ลดลง 4.3% นอกจากนี้ ภาคการก่อสร้าง ยังปรับตัวลดลง 5.5% เป็นผลมาจากงบลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่หดตัว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า  เม็ดเงินใช้จ่ายจากภาครัฐยังต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐที่ยังหดตัว แม้การเบิกจ่ายของภาครัฐจะเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับการบริโภคภาครัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ การลงทุนภาคเอกชนหดตัวกว่าที่คาดตามการลงทุนในหมวดก่อสร้างและยานยนต์ ส่งผลให้ภาพรวมการลงทุนปี 2567 มีแนวโน้มต่ำกว่าที่เคยคาด

ความไม่แน่นอนทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ขึ้นกับมาตรการทางเศรษฐกิจของภาครัฐ ตลอดจนงบประมาณปี 2568 โดยหากขนาดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก เมื่อเทียบกับแผนโครงการดิจิทัลวอลเลต รวมถึง พรบ. งบประมาณปี 2568 บังคับใช้ทัน 1 ต.ค. 2567 คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะยังสามารถขยายตัวได้ที่ 2.6% 

หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐล่าช้าออกไป และไม่ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาทดแทนในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 นี้ ตลอดจนมีความล่าช้าในการใช้ พรบ. งบประมาณปี 2568 ออกไปมากกว่า 1 เดือน แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 คงจะมีความเสี่ยงมากขึ้น 

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หากพิจารณาข้อมูลในอดีต ช่วงที่เศรษฐกิจไทยมีแรงกระตุ้นทยอยฟื้นตัวได้สูงกว่าคาดการณ์ มักจะหนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มขยับขึ้นตามไปด้วย แม้ GDP GROWTH ไทยในปีนี้จะแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แต่บ้านเราอาจกำลังเผชิญความเสี่ยงปัญหาเชิงโครงสร้าง ท่ามกลางช่วงรอยต่อรอยต่อการเปลี่ยนผ่านจาก OLD ECONOMY สู่ NEW ECONOMY 

ส่วนหนึ่งสะท้อนจากเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการลงทุนภาคเอกชนไตรมาส 2/2567 หดตัว จากแรงกดดันหลักๆ ในหมวดยานพาหนะและภาคก่อสร้างการพึ่งพาการนำเข้าจากจีนพุ่งสูงขึ้น จึงเสี่ยงกระทบภาคการผลิตภายในประเทศชะลอตัวลงได้

ขณะที่นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า หลังรายงาน สภาพัฒน์ปรับคาดการณ์ GDP ปี 2567 เป็น  2.3-2.8% (เดิม 2.0-3.0% ) หรือมีค่ากลางที่ 2.55% ไม่ต่างจากเดิม (2.5%) โดยเป็นการปรับเพิ่มดุลการค้า (ลดนำเข้า เพิ่มส่งออก) และการปรับเพิ่มคาดการณ์ลงทุนภาครัฐฯ นอกจากนี้ มีปรับเพิ่มรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติขึ้นจากเดิม ส่วนที่ปรับลงการปรับลดคาดการณ์การลงทุนภาคเอกชน 

สัญญาณดังกล่าว มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงส่งออก โดยเฉพาะชิ้นส่วน (DELTA, HANA) ที่สภาพัฒน์ฯยังมองบวก รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยว การบิน อาทิ AOT, MINT, BA, ERW ที่ล้วนยังอยู่ในโซนน่าสะสม หลัง Underperform ตลาดชัดเจนในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และกลุ่มธนาคาร เน้น KTB, KBANK ที่จะมีภาพบวก GDP งวด 2H24 เป็นภาพเร่งชัดเจนจาก 1H24

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย เปิดเผยว่า การลงทุนภาครัฐแม้ทั้งปี 2567 จะประเมินว่าติดลบ แต่ครึ่งปีหลังจะเร่งตัวแรง สะท้อนผ่านครึ่งปีแรกติดลบมากถึง 17%YoY แต่ทั้งปีคาดจะหดตัวเพียง 0.7%YoY เท่ากับว่าครึ่งปีหลังจะเร่งตัวมากถึง 15.5%YoY ประเมินเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มบริโภค อาทิ ค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL, DOHOME, GLOBAL, HMPRO) และท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, MINT) ศูนย์การค้า (CPN)

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.