เจาะเกมครึ่งหลัง “WHA” จ่ออัพเป้ายอดขายที่ดินพุ่งรับย้ายฐานลงทุน

     นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า แนวโน้มกลุ่ม 4 ธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 โดย "ธุรกิจโลจิสติกส์" ความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าหรือโรงงานคุณภาพสูงที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าหลายราย ซึ่งในไตรมาส 2/2567 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับการคัดเลือก(award)จากกลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำ และบริษัทผู้ผลิตหรือจัดจำหน่ายสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมบ้านที่มีความต้องการเช่าคลังสินค้าพื้นที่รวมกว่า 63,000 ตร.ม. คาดว่าจะลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่กับลูกค้าได้เร็วๆนี้

     โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม. 23 โปรเจกต์ที่ 3 หลังจากเปิดตัวได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า อาทิ ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ รวมทั้งผู้ให้บริการด้านการออกแบบและผลิตสื่อโฆษณาที่ได้แสดงความสนใจจองหรือลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่เพิ่มรวมกว่า 26,100 ตร.ม. นอกจากนี้โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23 (ขาเข้า) มีบริษัทผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ แสดงความสนใจเช่าพื้นที่คลังสินค้าประมาณ 24,000 ตร.ม. อยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญาเช่า 

     ส่วนแผนการขายทรัพย์สินหรือสิทธิการเช่าทรัพย์สินปี 2567 ล่าสุดผู้ถือหน่วยกองทรัสต์ WHAIR อนุมัติการลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 5 มูลค่าไม่เกิน 1,065 ล้านบาท จำนวน 4 โครงการ คิดเป็นพื้นที่เช่ารวมประมาณ 40,172 ตร.ม. คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2567 นี้

     "ในช่วงครึ่งแรกของปี67มีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงานหรือคลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มเติมรวม33,699 ตร.ม.และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงจำนวน 88,344ตร.ม.ส่งผลให้มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 2,988,762ตร.ม. โดยไตรมาส2และ6เดือนแรกของปี67บริษัทรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจให้เช่ายานยนต์ไฟฟ้ารวม343ล้านบาทและ 640ล้านบาทตามลำดับ
     ส่วนความคืบหน้าของโครงการGreen Logisticsที่บริษัทได้มีการจัดตั้งบริษัท โมบิลิกส์ จำกัดแบรนด์ที่ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรที่ครอบคลุมตั้งแต่การให้บริการรถขนส่งไฟฟ้าเชิงพาณิชย์บริการติดตั้งระบบชาร์จ สถานีชาร์จพร้อมด้วย Mobilix Platformแพลตฟอร์มที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ให้แก่ลูกค้า ณ สิ้นไตรมาส 2/67มีลูกค้าภาคธุรกิจเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้าแล้วกว่า280คัน"

 

     เล็งปรับเป้ายอดขายเพิ่ม

     "ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม" ในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มการเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยเฉพาะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยได้รับอานิสงส์จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้เกิดกระแสการย้ายฐานการลงทุนและการผลิตมายังไทยมากขึ้น ประกอบกับราคาขายที่ดินเฉลี่ยที่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยภายในสิ้นปี 2567 นี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินได้มากกว่าเป้าหมายการขายที่ดินที่ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี 2567 ที่จำนวน 2,275 ไร่ และอยู่ระหว่างการเตรียมแผนการปรับเป้าหมายการขายที่ดินของปีนี้ใหม่ ซึ่งจะประกาศออกมาในเร็วๆนี้ 

     ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนามทั้งหมด 77,600 ไร่ โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทย จำนวน 12 แห่ง และยังมีโครงการขยายหรือพัฒนานิคมฯ ใหม่ 7 โครงการ บนพื้นที่รวมกว่า 9,430 ไร่ ส่งผลให้บริษัทจะมีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,650 ไร่ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (3,400 ไร่) ซึ่งอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต บริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในไตรมาส 1/2568 และมีพื้นที่พร้อมขายภายในไตรมาส 2/2568 

     สำหรับประเทศเวียดนาม มีการเปิดดำเนินการเขตอุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งมีพื้นที่ในการพัฒนารวม 22,815 ไร่ (3,650 เฮกตาร์) ประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 2 – เหงะอาน เฟส 1A/1B และเฟส 2 พื้นที่รวม 1,600 ไร่ (250 เฮกตาร์) ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตสำหรับโครงการสำหรับเฟส 1A/1B พื้นที่ 1,200 ไร่ (189 เฮกตาร์) ภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายเขตอุตสาหกรรมใหม่อีก 3 โครงการในจังหวัด Thanh Hoa และ Quang Nam เป็นพื้นที่รวมกว่า 9,690 ไร่ (1,550 เฮกตาร์)

     “ครึ่งปีแรก มียอดขายที่ดินรวม 1,042ไร่(ไทย 979ไร่/เวียดนาม 63 ไร่)และมียอดเซ็น MOUรวม 756ไร่(ไทย 714 ไร่/เวียดนาม 43 ไร่)ในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567บริษัทรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 1,460 ล้านบาท และ 3,587 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้ยอดการโอนที่ดินครึ่งปีแรกที่เติบโตมากกว่า 65%เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการย้ายฐานการลงทุน และการผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/67 บริษัทมียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์(Backlog)ให้กับลูกค้ากว่า 879ไร่(ไทย 871 ไร่/เวียดนาม 8ไร่)
     ยอดขายที่ดินในไตรมาส 2/2567 นี้ ส่วนหนึ่งมาจากการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของโลกที่มีแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่ บนพื้นที่ดินกว่า 100 ไร่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าในไทย ตอกย้ำการเป็นจุดหมายด้านการผลิตและการลงทุนของภูมิภาคที่สำคัญของอุตสาหกรรมใหม่ๆ อย่างยานยนต์ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี”

     3Q67 ขายน้ำต่อเนื่อง 

     "ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ)" ปริมาณการจำหน่ายน้ำภายในประเทศ บริษัทลงนามสัญญาขายน้ำประปาเอกชนกับการประปาส่วนภูมิภาค ปริมาณ 2.6 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยให้บริการในพื้นที่การประปาส่วนภูมิภาคสาขาหนองแค จังหวัดสระบุรี และคาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/2567

     นอกจากนี้ บริษัทได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูงกับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในโครงการผลิตน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง ปริมาณ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อใช้ภายในโรงงาน GC ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 3/2567 เช่นกัน

     บริษัทสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจสาธารณูปโภครวมในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 761 ล้านบาท และ 1,531 ล้านบาท โดยมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมสำหรับไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 รวมเท่ากับ 43.1 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 83.9 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ

     ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำภายในประเทศในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 34.0 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 66.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากการเติบโตขึ้นของปริมาณยอดจำหน่ายน้ำทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม จากความต้องการใช้น้ำของลูกค้าใหม่ๆ ที่ทยอยเปิดดำเนินการณ์เชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 3/2566 และในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 

     ส่วนปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในประเทศเวียดนามในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 ปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้มียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 9.1 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 17.3 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากยอดขายและการบริหารน้ำของโครงการ Duong River ที่เติบโตต่อเนื่องจากการขยายพื้นที่การให้บริการและปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ส่งผลให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 39.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจำนวน 12.3 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

     PPA อีก 40 เมกะวัตต์

     "ธุรกิจไฟฟ้า" โครงการที่บริษัทได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานให้ได้สิทธิ์เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed in Tariff เฟส 1 จำนวน 5 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ ปัจจุบันได้ลงนามในสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว 4 โครงการ จำนวน 85 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA)ในส่วนที่เหลืออีก 1 โครงการ จำนวน 40 เมกะวัตต์ได้ภายในไตรมาส 3/2567 กำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในช่วงปี 2572-2573

     ทั้งนี้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากการดำเนินงานจากการลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าไม่นับรวมกำไรหรือขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 302 ล้านบาท และ 654 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้ารวมปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติของโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วันที่ลดลง ผลจากการรับรู้การบันทึกต้นทุนถ่านหินที่สูงในไตรมาสที่ผ่านมา และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่ลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงของลูกค้ากลุ่มโรงไฟฟ้า Gulf TS2 และ TS3

     สำหรับธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไตรมาส 2/2567 บริษัทได้ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่ม 12 สัญญา แบ่งเป็นโครงการ Private PPA 11 สัญญา กำลังการผลิตประมาณ 13 เมกะวัตต์ และ โครงการ EPC Service 1 สัญญา กำลังการผลิตรวม 1 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 บริษัทมีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสม 256 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 932 เมกะวัตต์ ซึ่งแบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วจำนวน 682 เมกะวัตต์และที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 250 เมกะวัตต์

     ทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล

     "ธุรกิจดิจิทัล" บริษัทเดินหน้ายกระดับองค์กรในทุกมิติเพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 ภายใต้ภารกิจ Mission To The Sun (MTTS) โดยมุ่งทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล การสร้างผลิตภัณฑ์และมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ พร้อมเสริมศักยภาพทางธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยโครงการที่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ โครงการ Green Logistics ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา Mobilix Platform ที่รวมบริการต่างๆตั้งแต่การบริหารยานพาหนะ(Fleet Management) การวางแผนเส้นทาง(Route Optimization) ไปจนถึงการเชื่อมโยงโครงข่ายสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า 

     และเมื่อเร็วๆนี้บริษัทได้ร่วมมือกับ Voltality แพลตฟอร์มอีโรมมิ่งชั้นนำที่เชื่อมต่อผู้ให้บริการจุดชาร์จกับผู้ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับ Datakrew ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์แบตเตอรี่ EV แบบ Real Time ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า(EV Ecosystem)ของบริษัท และบริษัทยังคงเดินหน้าผลักดันโครงการ AI Transformation ที่นำเทคโนโลยี AI มาเสริมศักยภาพทางธุรกิจในทุกด้าน ล่าสุดได้มีการพัฒนา Generative AI ให้มีการประมวลผลด้วย AI model ตัวล่าสุด GPT-4o สามารถประมวลผลได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ ไฟล์เอกสาร ไฟล์เสียง และยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างปลอดภัย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไปพร้อมๆกัน

     ครึ่งปีแรกกำไรพุ่ง 91%  

     "WHA Group" รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2567 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 3,343 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,289 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 3,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และกำไรปกติ 1,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

     สำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 7,273 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,653 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หากพิจารณาถึงผลประกอบการปกติ บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 7,080 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% และกำไรปกติ 2,549 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอัตราการเติบโตดังกล่าวสะท้อนศักยภาพการเติบโต 4 กลุ่มธุรกิจ ทั้งโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

 

     โบรกเชียร์ WHA

     ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ยอดขายที่ดิน 1H67 ทำได้ราว 1,042 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 46 ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ (2,275 ไร่ ประกอบด้วย ไทย : 1650 ไร่ , เวียดนำม 625 ไร่) โอกาสสูงที่ WHA จะทำได้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากนี้คาดว่าจะมีที่ดินขนาดใหญ่(bigticket)ขนาด 400 ไร่ จำนวน 2 แปลง โดยคาดว่าจะเข้ามาช่วง 3Q67 - 4Q67 ได้ 1 แปลง และเข้ามาช่วง 4Q67 - 2568 ได้อีก 1 แปลง ส่งผลให้มีการปรับเป้าการขายที่ดินขึ้นในช่วงเดือน ส.ค. - ก.ย. และเป็นการดันราคาขายที่ดินเพิ่มอีกราวๆ 5% จากงวด 1H67

     อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังคงมีความกังวลจากการโอนที่ดินเวียดนามที่ล่าช้า เนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเวียดนาม รวมถึงยอดขายและยอดโอนที่ดินที่มาจากโครงการ IER เนื่องจากเป็นโครงการร่วมทุน ส่งผลให้รับรู้กำไรเข้ามาได้ 60% ตามสัดส่วนการถือครอง

     เศรษฐกิจจีนที่ซบเซาหนุนให้ธุรกิจจีนหันมาลงทุนนอกประเทศมากขึ้นซึ่งไทยและเวียดนามได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์ดังกล่าวประกอบกับปี 2567 มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯหาก Donald Trump สามารถหวนคืนสู่ประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ได้อีกครั้ง จะส่งผลให้เกิดภาวะสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน (trade war) เหมือนที่เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี สมัยที่ 1 หนุนให้เกิดการย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยยังคงให้น้ำหนักกับปัจจัยที่เกิดขึ้นในระยะสั้น ได้แก่ ยอดขายและยอดโอนที่ดินที่มาจากโครงการ IER ที่รับรู้กำไรได้เพียง 60% และการจัดตั้งกอง REIT ที่ไม่เป็นไปตามแผน 

     ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสม WHA อิง Historical PER 10 ปีย้อนหลัง อยู่ที่ 20 เท่า ราคาเหมาะสม 6.30 บาท แม้ upside เปิดกว้าง 21% แต่ยังให้คำแนะนำเป็น Neutral ทางเทคนิคราคาหุ้น Sideways Up มองแนวรับ 4.90 บาท และแนวต้าน 5.40 / 5.65 บาท

     บล.ยูโอบีเคย์เฮียน แนะนำซื้อ WHA ราคาเป้าหมายที่ 6 บาท รายงานกำไร 2Q24 ที่ 1.3 พันล้านลบาท ซึ่งสูงกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์และตลาดคาด 11% และ 32% ตามลำดับ จากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่สูงกว่าคาด ด้านรายได้ปรับลดลงทั้ง yoy และ qoq โดยหลักจากธุรกิจ IE จากยอดโอนที่ดินที่ต่ำลง ฝ่ายวิเคราะห์คาดรายได้ใน 2H24 จะยังถูกกดดันจาก sharing ของ IRPC อย่างไรก็ตามคาดจะสามารถชดเชยได้ด้วยส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วม

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.