"PTT" อวด EBITDA ไตรมาส 2/67 แตะระดับ 115,334 ลบ. - กำไรสุทธิพุ่ง 76.4%

     บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) หรือ PTT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 115,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,709 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.5 จากไตรมาส 2/66 ทำได้ 92,625 ล้านบาท เนื่องมาจากกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายเฉลี่ยและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 

     กลุ่มธุรกิจ "ปิโตรเคมีและการกลั่น" มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น โดย "ธุรกิจปิโตรเคมี" มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ทั้ง กลุ่มโอเลฟินส์มีส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เอทิลีนกับวัตถุดิบ รวมทั้งปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มอะโรเมติกส์เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เบนซีน(Benzene : BZ)กับวัตถุดิบเพิ่มขึ้น 

     ด้าน "ธุรกิจการกลั่น" ผลงานเพิ่มขึ้นจากกำไรสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง ปตท.และบริษัทย่อยมีกำไรสต๊อกน้ำมันในไตรมาส 2/67 ประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 2/66 มีผลขาดทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท สำหรับกำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ลดลงจาก 4.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน 2Q2566 เป็น 3 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลใน 2Q2567 โดยหลักจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล และน้ำมันอากาศยาน กับน้ำมันดิบปรับลดลง

     ขณะที่ "กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ" มีผลการดำเนินงานลดลง โดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่มีต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจากนโยบาย Single Pool แม้ราคาขายโดยเฉลี่ยและปริมาณขายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซฯมีกำไรขั้นต้นลดลงจากรายได้ที่ลดลง แม้ว่าต้นทุนค่าเนื้อก๊าซฯ ปรับลดลงตามราคา Pool Gas

     อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ NGV มีผลขาดทุนลดลงจากต้นทุนค่าเนื้อก๊าซฯ ที่ปรับลดลงตามราคา Pool Gas และปริมาณขายโดยรวมลดลง และธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซฯ มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการจองใช้ท่อส่งก๊าซฯที่เพิ่มขึ้น 

     กำไรสุทธิ 2Q67 พุ่ง 76.4%

     กำไรสุทธิของ ปตท.และบริษัทย่อยใน 2Q2567 มีจำนวน 35,469 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,362 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.4 จากกำไรสุทธิจำนวน 20,107 ล้านบาท ใน 2Q2566 ตาม EBITDA ที่เพิ่มขึ้นตามกล่าวข้างต้น ประกอบกับ ใน 2Q2567 มีการรับรูร้ายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ(Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นกำไรประมาณ 5,400 ล้านบาท โดยหลักจากกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ให้บริษัท พีอีแอลเอ็นจี จำกัด (PE LNG) ของ บริษัท พีทีทีแอลเอ็นจี จำกัด (PTTLNG) และกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของ บริษัท พีทีทีโกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ขณะที่ใน 2Q2566 มีผลกำไรประมาณ 300 ล้านบาท จากกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP และ PTTGC

     แต่หากเทียบ EBITDA ใน 2Q2567 กับ 1Q2567 ที่ทำได้ 118,717 ล้านบาท ลดลง 3,383 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.8 จากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น โดยธุรกิจการกลั่นมีผลการดำเนินงานลดลงตาม Market GRM ที่ลดลงจาก 7.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน 1Q2567 เป็น 3 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลใน 2Q2567 ส่วนใหญ่จากส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยาน น้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน กับน้ำมันดิบปรับลดลง แม้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น

     ขณะที่กำไรจากสต๊อกน้ำมันของ ปตท.และบริษัทย่อย ใน 2Q2567 ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานลดลง จากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯตามต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นจากการเริ่มคำนวณราคาก๊าซฯตามนโยบาย Single Pool แม้ว่าปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ขณะที่ ธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซฯ มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนค่าเนื้อก๊าซฯ ปรับลดลงตามราคา Pool Gas นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีกมีผลการดำเนินงานปรับลดลงเช่นกัน จากธุรกิจน้ำมันที่กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรของเบนซิน และดีเซลปรับลดลง

     อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยปรับลดลง กำไรสุทธิของ ปตท. และบริษัทย่อยใน 2Q2567 มีจำนวน 35,469 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,501 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.4 จากกำไรสุทธิจำนวน 28,968 ล้านบาทใน 1Q2567 โดยหลักจากผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น รวมทั้ง ใน 2Q2567 มีการรบัรูร้ายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นกำไรประมาณ 5,400 ล้านบาทตามกล่าวข้างต้น ขณะที่ ใน 1Q2567 มีผลกำ ไรประมาณ 4,500 ล้านบาท จากกำไรขายเงินลงทุนใน Alvogen Malta (Out-licensing) Holding Ltd. (AMOLH) แม้ว่า EBITDA ปรับลดลงตามกล่าวข้างต้น

     อิบิทดาครึ่งปีแรกโต 19%

     สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 (1H2567) ปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA จำนวน 234,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37,418 ล้านบาท หรือร้อยละ 19 จากในช่วงครึ่งแรกของปี2566 (1H2566) ที่จำนวน 196,633 ล้านบาท โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น โดยธุรกิจการกลั่นมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จากกำไรสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสต๊อกน้ำมันใน 1H2567 ประมาณ 5,000 ล้านบาท ขณะที่ใน 1H2566 มีผลขาดทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท

     อย่างไรก็ตาม Market GRM ลดลงจาก 6.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน 1H2566 เป็น 5.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน 1H2567จากส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยาน น้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน กับน้ำมันดิบปรับลดลง รวมทั้งปริมาณขายลดลง ธุรกิจปิโตรเคมีมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยหลักจากกลุ่มโอเลฟินส์จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เอทิลีนกับวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มอะโรเมติกส์ จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ BZ กับวัตถุดิบเพิ่มขึ้น แม้ว่าปริมาณขายลดลง

     กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยปรับลดลงผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยหลักจากธุรกิจ NGV มีผลขาดทุนลดลงจากต้นทุนค่าเนื้อก๊าซฯ ที่ปรับลดลงตามราคา Pool Gas ประกอบกับ ราคาขายที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มลูกค้า และปริมาณขายโดยรวมที่ลดลงตามปริมาณรถ NGV สะสมที่น้อยลง

     และ บริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานดีขึ้น โดยหลักจาก บริษัท ปตท. จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด (PTTNGD) มีผลการดำเนินงานดีขึ้นตามต้นทุนก๊าซฯที่ปรับลดลง และราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีผลการดำเนินงานลดลงจากต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากได้มีการเริ่มใช้นโยบาย Single Pool ในการคำนวณราคาก๊าซฯ โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 ใน 1H2567 ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 64,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,475 ล้านบาท หรือร้อยละ 34.4 จาก 1H2566 ที่จำนวน 47,962 ล้านบาท ตาม EBITDA ที่เพิ่มขึ้น ตามกล่าวข้างต้นประกอบกับใน 1H2567 มีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นกำไรประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยหลักจากกำไรจากการขายเงินลงทุนใน AMOLH กำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ให้ PE LNG ของ PTTLNG และ กำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของ GC และ TOP ขณะที่ใน 1H2566 มีผลกำไรประมาณ 200 ล้านบาท โดยหลักจากกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของ GC และ PTTEP แม้ว่ามีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น

     ฐานะการเงินของ ปตท. และบริษัทย่อย ณ 30 มิถุนายน 2567 มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นจำนวน 3,618,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157,955 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.6 จาก ณ 31 ธันวาคม 2566 ที่มีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,460,462 ล้านบาท โดยหลักจากสินค้าคงเหลือและลูกหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้น จากปัจจัยทั้งด้านปริมาณและราคาที่เพิ่มขึ้น เงินให้กู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้น โดยหลักจากเงินให้กู้แก่ Renewable Energy Seagreen Holdco Limited (RESH) ของ PTTEP และ PE LNG ของ บริษัท ปตท. ศูนย์บริหารเงิน จำกัด (PTT TCC) เงินลงทุนระยะยาวที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนสถานะเงินลงทุนใน PE LNG จากบริษัทย่อยเป็นการร่วมค้า และที่ดินอาคารและอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้น โดยหลักจากสินทรัพย์เพื่อการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในโครงการ Ghasha โครงการ G1/61 และ G2/61 ของ PTTEP และงานระหว่างก่อสร้างในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ของ TOP แม้ว่ามีการขายสินทรัพย์ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 (LMPT2) ของ PTTLNG ให้ PE LNG

     ณ 30 มิถุนายน 2567 มีหนี้สินรวมทั้งสิ้นจำนวน 1,901,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 65,840 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.6 จาก ณ 31 ธันวาคม 2566 ที่มีหนี้สินรวมจำนวน 1,835,486 ล้านบาท โดยหลักจากเจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้นตามปริมาณซื้อและราคาที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นโดยหลักจากเงินกู้ยืมระยะสั้น และหนี้สินตามสัญญาเช่าที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ณ 30 มิถุนายน 2567 มีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 1,717,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 92,115 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.7 จาก ณ 31 ธันวาคม 2566 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 1,624,976 ล้านบาท โดยหลักจากกำไรสุทธิของ ปตท. และบริษัทย่อยใน 1H2567 สุทธิเงินปันผลจ่ายสำหรับผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังของปี2566 นอกจากนี้องค์ประกอบอื่นของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น โดยหลักจากผลต่างจากการแปลงค่างบการเงิน รวมทั้งส่วนได้เสียไม่มีอำนาจควบคุมเพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินงานที่เป็นกำไรของบริษัทย่อย และผลต่างจากการแปลงค่างบการเงิน

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.