CKP ไตรมาส2/67 มีรายได้ 2,621 ลบ. พร้อมกำไรจากการดำเนินงาน-ฐานะการเงินแกร่ง

     นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ หรือ CKP หนึ่งในผู้นำในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและมีคาร์บอนฟุต พรินต์ต่ำที่สุดรายหนึ่ง เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานโดยรวมทั้งในไตรมาส 2/2567 และงวด 6 เดือนปี 2567 ของ CKPower ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาสที่ 2/2567 มีรายได้รวม 2,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรับรู้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานซึ่งไม่รวมกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 149 ล้านบาท ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่รับรู้ขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 48 ล้านบาท

     สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปีนี้ มาจากรายได้จากการขายไฟฟ้าของบริษัท ไฟฟ้า น้ำงึม 2 จำกัด (NN2) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 80.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ณ ต้นปี 2567 ในระดับสูง และมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับงานซ่อมบำรุงลดลง เนื่องจากการงานซ่อมบำรุงใหญ่ (Major Overhaul) ประจำปี 2567 ส่วนใหญ่ดำเนินการไปแล้วในไตรมาส 1/2567

     ขณะที่ค่าเชื้อเพลิงของบริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (BIC) ลดลงร้อยละ 27.6 ตามราคาก๊าซธรรมชาติ และยังรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานของการร่วมค้าและบริษัทร่วมลดลง 110 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 77.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

     “แม้ว่า CKPower จะมีต้นทุนทางการเงินในไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6 และ 6.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการออกหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 ของบริษัทที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นตามสภาพตลาด แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนปี 2567 ลดลงร้อยละ 14.0 และร้อยละ 13.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ”นายธนวัฒน์ กล่าว

     สำหรับฐานะการเงินของ CKPower ยังคงแข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีสินทรัพย์รวม 69,927 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 จากสิ้นปี 2566 ขณะที่หนี้สินระยะยาวตามงบการเงินรวมของบริษัท ร้อยละ 81 เป็นหุ้นกู้สกุลเงินบาทที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ มีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.77 โดยบริษัทจะยังคงติดตามการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิดและบริหารจัดการหนี้สินระยะยาวให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้คัดเลือกให้หลักทรัพย์ “CKP” อยู่ในดัชนี SET100/ SET100FF และยังได้รับคัดเลือกเข้าสู่ทำเนียบบริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน (ESG100) ปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

     นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลน้ำหลากผนวกกับปรากฎการณ์ลานีญาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ส่งผลให้แนวโน้มปริมาณน้ำของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทได้มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมในการผลิตไฟฟ้าให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำ

     นอกจากนี้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด หรือ BKC อยู่ระหว่างการเตรียมการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM อีก 3 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 7 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้เร็ว ๆ นี้ ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันภาคขนส่งสาธารณะระบบรางให้เปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนครั้งแรกของประเทศไทย

     “ก้าวเดินต่อจากนี้ CKPower เตรียมวางแผนลงทุนและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนพร้อมวางรากฐานทางพลังงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ควบคู่กับการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีในชุมชนและสังคม ผ่านการใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมในการคิดค้นนวัตกรรมและโครงการต่างๆ ตลอดจนขยายผลการสร้างองค์ความรู้ด้านพลังงานหมุนเวียนสู่เยาวชน ชุมชน สังคม เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่สามารถหวังผลในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี 2593”นายธนวัฒน์ กล่าว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.