ตลาดอีคอมเมิร์ซกระเทือน 'Temu' ยักษ์ใหญ่จากจีนเปิดตัวในไทยแล้ว
Temu อีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากจีนที่เคยมีข่าวชนยักษ์อย่าง Amazon ในสหรัฐอเมริกา ได้มาปักธงธุรกิจในไทยไปแล้วเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลายฝ่ายจับตา การต่อสู้ในธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ของไทยจะดุเดือดมากยิ่งขึ้น
Temu เป็นแพลตฟอร์ม e-Commerce ของ PDD Holdings Inc. บริษัทจากจีน เจ้าของเดียวกันกับแพลตฟอร์มชื่อดังในจีน อย่าง Pinduoduo ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ของ PDD ตั้งอยู่ที่เมืองดับลิน ไอร์แลนด์ และ PDD ก็จดทะเบียนอยู่ในตลาด NASDAQ ของอเมริกา แต่รู้กันดีว่า PDD เป็นบริษัทสัญชาติจีน และสินค้าบน Temu นั้นก็ผลิต และส่งตรงมาจากจีน โดย Temu เปิดตัวเมื่อปี 2022 ในบอสตัน แมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
Temu มีสโลแกนว่า “Shop Like a Billionaire” สื่อว่าสินค้ามีราคาถูกมาก จนใครๆ ก็สามารถซื้อได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องราคา กลยุทธ์ของ Temu คือ เน้นการขายสินค้าทุกชนิด เสื้อผ้า ของใช้ภายในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า ของเล่น ของอุปโภคบริโภคหลายหมวดหมู่ แฟชั่น ด้วยราคาที่ต่ำสุดๆ
โดย Temu ใช้โมเดลธุรกิจดียวกันกับ Pinduoduo ที่ให้โรงงาน และผู้ผลิตในจีนวางจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มโดยตรง และใช้วิธี “Group Buying” หรือให้ผู้ซื้อสั่งซื้อสินค้าชิ้นนั้น ๆ กันเป็นกลุ่มไปยังผู้ผลิตโดยตรง ทำให้สามารถขายสินค้าในราคาที่ถูกมากเหมือนซื้อราคาส่ง ซึ่งทำให้ Pinduoduo บริษัทแม่ใช้ทำตลาดจนประสบความสำเร็จในจีน มาแล้ว
นอกจากนี้ตัวแพลตฟอร์มยังนำระบบที่เรียกว่า Gamificiation ใส่ระบบเกมหมุนวงล้อ แจกคูปองส่วนลด ทำให้ราคาสินค้าถูกลงไปอีก รวมทั้งใช้กลยุทธ์โซเชียลคอมเมิร์ซที่เน้นเรื่องความบันเทิง ดึงดูดลูกค้าให้มาใช้เวลาอยู่บนแพลตฟอร์มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมต่างๆ การแจกรางวัล การไลฟ์ขายของ และอื่นๆ จนมียอดผู้ใช้งานเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นมากกว่า 750 ล้านคนต่อเดือนในปัจจุบัน
ขณะที่การรุกตลาดต่างประเทศด้วย Temu แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ Pinduoduo ตั้งขึ้นในสหรัฐเมื่อเดือนก.ย. ปี 2022 ด้วยกลยุทธ์เดียวกัน ทำให้จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในหมู่ผู้ให้บริการของสหรัฐอเมริกา อย่าง Amazon และ eBay ที่ต้องเสียส่วนแบ่งในตลาดไปเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบัน Temu มีอยู่ใน 47 ประเทศทั่วโลก และได้เข้ามาทำตลาดในไทย ตามหลังการเปิดตัวในมาเลเซีย และฟิลิปปินส์เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น ด้วยการออกโปรโมชันแรง แจกส่วนลดกว่า 90% ในช่วงเปิดตัว และอัดโปรโมชันส่งฟรีทุกออเดอร์ โดยสินค้าจะถูกส่งตรงจากโรงงานในจีนภายใน 4 – 9 วัน รวมถึงยังมีนโยบายคืนสินค้าในทุก ๆ ออเดอร์ฟรีภายใน 90 วัน หรือจะสามารถเลือกรับเป็นการคืนเงินส่วนหนึ่ง โดยไม่ต้องส่งสินค้ากลับคืนก็ได้ จึงน่าจะทำให้เจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซที่แข่งขันกันดุเดือดในบ้านเราอยู่แล้ว คงต้องหนาวๆร้อนๆ และต้องพลิกกลยุทธ์ใหม่ๆขึ้นมาสู้
ทั้งนี้ ไทยถือเป็นประเทศที่มีตลาดอีคอมเมิร์ซใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเป็นอันดับ 2 ด้วยอัตราการเติบโตปีต่อปีสูงถึง 34.1% โดยมี 3 ผู้เล่นสำคัญหลัก ๆ คือ
1.Shopee – 49%
2.Lazada – 30%
3.TikTok Shop – 21%
การเข้ามาของยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีนครั้งนี้ ไม่เพียงแต่กระทบธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อโรงงานและผู้ผลิตสินค้าชาวไทย ที่ต้องแข่งขันกับสินค้าราคาถูกโดยตรงจากโรงงานจีน ซึ่งลำพังการประคองธุรกิจในสถานการณ์ที่กำลังซื้อในประเทศกำลังซบเซาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว การถั่งโถมเข้ามาของสินค้าจากจีนระลอกใหม่นี้ จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องต้องรับมืออย่างเหมาะสม ก่อนที่ธุรกิจไทยจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันอย่างสิ้นเชิง
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.