PTTEP อวดกำไรไตรมาส 2/67 พุ่ง 13.96% แตะ 23,978 ลบ. พร้อมปันผลระหว่างกาล 4.50 บ.

     นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิ 23,977,675 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,938,062 ล้านบาท คิดเป็น 13.96% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 21,039,613 ล้านบาท ผลจากรายได้การขายเพิ่มขึ้น 333 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากปริมาณการขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจากโครงการจี 1/61 และราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 

     รวมถึงในไตรมาส 2/2567 ค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้น และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 156 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนใหญ่จากโครงการจี 1/61 ตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่โครงการซอติก้า และโครงการเอส 1 มีสินทรัพย์พร้อมใช้งานเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 63 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยหลักจากโครงการบี 8/32 และ 9 เอ และโครงการคอนแทร็ค 4 มีการปรับลดค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าประมาณการในไตรมาส 2 ปีก่อน รวมทั้งโครงการมาเลเซีย แปลง เอสเค309 และ เอสเค311 และโครงการอาทิตย์มีค่าใช้จ่ายจากกิจกรรมซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น ภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 37 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยหลักจากโครงการในประเทศโอมาน และประเทศแอลจีเรียตามกำไรที่เพิ่มขึ้น

     สำหรับผลประกอบการช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ปตท.สผ.มีรายได้รวม 166,887 ล้านบาท (เทียบเท่า 4,608 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.)) และมีกำไรสุทธิ 42,660 ล้านบาท (เทียบเท่า 1,177 ล้านดอลลาร์ สรอ.) ผลจากปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 489,879 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มอัตราการผลิตปิโตรเลียมของโครงการ G1/61 สู่ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตามสัญญาแบ่งปันผลผลิต ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 

     ด้านราคาขายผลิตภัณฑ์ปรับตัวลงเล็กน้อยจากราคาขายก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง ส่วนต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) อยู่ที่ 28.6 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ โดยมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา 76%

     "บริษัทมีความคืบหน้าที่สำคัญในส่วนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยได้ขยายฐานการลงทุนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) จากการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 10 ในแปลงสัมปทานกาชา หนึ่งในแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของยูเออี ซึ่งสามารถเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมให้บริษัทได้ทันที และช่วยเสริมประโยชน์และประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการร่วมกับโครงการสำรวจอื่นๆ ซึ่งบริษัทมีการลงทุนอยู่แล้วในยูเออี โดยคาดว่าแปลงสัมปทานกาชาจะมีปริมาณการผลิตก๊าซฯประมาณ 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันภายในปี 2573 และมีแผนที่จะทำการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประมาณ 1.5 ล้านตันต่อปี เพื่อสนับสนุนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูน"

ปันผลระหว่างกาล 4.50 บาท

     จากผลการดำเนินการดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2567 ที่ 4.50 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 14 สิงหาคม 2567 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 สิงหาคม 2567

นำส่งรายได้ให้รัฐกว่า 30,170 ลบ. 

     ในรอบครึ่งปีแรกของปี 2567 ปตท.สผ. ยังได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ  จำนวนกว่า 30,170 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น นอกจากนี้ ส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และ G2/61 ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ยังเป็นรายได้อีกส่วนหนึ่งที่รัฐได้รับโดยตรงจากการผลิตปิโตรเลียม เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศอีกด้วย

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.