ส่งออกไทยพ.ค.67 บวก 7.2% สูงสุดในรอบ 14 เดือน


นายพูนพงษ์ นัยนาภาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสต์ จะเป็นผู้แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย พฤษภาคม 2567 ว่า การส่งออกมีมูลค่า 26,219.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 960,220 ล้านบาท ขยายตัว 7.2% หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 6.5% การส่งออกไทย 

 

ทำมูลค่าสูงสุดในรอบ 14 เดือน ทำให้ดุลการค้ากลับมาเกินดุลในรอบ 5 เดือน โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 19.4% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยสินค้าสินค้าเกษตร กลับมาขยายตัวถึง 36.5% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 0.8% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ขยายตัว128.0% กลับมาขยายตัวในรอบ 4 เดือน ขยายตัวในตลาดจีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง เวียดนาม และญี่ปุ่น และยางพารา ขยายตัว 46.6% ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ เป็นต้น

 

ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 สินค้าที่สำคัญได้แก่  ทุเรียน มังคุด ลำใย และมะม่วง เนื่องจากเป็นเดือนที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ขณะเดียวกันภาคการผลิตของโลกฟื้นตัวได้ดี สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของโลก (Global PMI) ที่มีทิศทางขยายตัวเร่งขึ้น ตามเศรษฐกิจโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ การส่งออก 5 เดือนแรกของปี 2567 การส่งอกมีมูลค่า 120,493.4 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 2.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 การนำเข้า มีมูลค่า 125,954.1 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 3.5% ดุลการค้า 5 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 5,460.7 ล้านดอลลาร์


สำหรับ แนวโน้มการส่งออกในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 2567 จะยังเติบโตได้ดีโดยได้รับปัจจัยหนุนจากการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ช้าแต่มั่นคง โดยการประเมินขององค์การการค้าโลก (WTO) ระบุว่าปริมาณการค้าโลกจะขยายตัว 2.6% จากปีก่อนหน้า จากปัญหาเงินเฟ้อที่บรรเทาเบาบางลง และท่าทีของธนาคารกลางแต่ละประเทศที่มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนและการผลิตโลกให้ฟื้นตัวอีกครั้ง แต่ยังมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งปัญหาค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นในบางเส้นทาง อาจเป็นปัจจัยลบต่อการส่งออกไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ ผลการเลือกตั้งของแต่ละประเทศยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลต่อนโยบายการค้าที่มีต่อการค้าระหว่างประเทศของไทยด้วย อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์ยังวางเป้าหมายทั้งปีอยู่ที่ 1-2%

“แนวโน้มเดือนหน้าไม่น่าจะโตได้ถึงสองหลัก แต่จะบวกได้ต่อเนื่อง แม้ฐานเดือนมิ.ย.ปี66 จะอยู่ที่กว่า 2.5 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ แต่เราก็ยังมั่นใจว่าจากสถานการณ์น่าจะบวกได้ต่อเนื่อง แต่จะมากน้อยแต่ต้องติดตามรายละเอียด โดยเฉพาะจากสงคราม ที่กระทบค่าระวางเรือ แต่อย่างไรก็ตามยังเชื่อครึ่งปีแรกของปีนี้ ขยายตัวเป็นบวกแน่”นายพูนพงษ์ กล่าว


 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.