ค่าเงินบาทเปิด 36.41 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ทองขึ้น 50 บาท

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  36.41 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.48 บาทต่อดอลลาร์ 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการแถลงของประธาน ECB แต่โดยรวมเงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.40-36.55 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าตามการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลัง ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง ตามที่ตลาดคาดหวังไว้ แม้ว่าในการประชุมครั้งนี้ ECB จะลดดอกเบี้ยลง -25bps ตามที่ตลาดคาดไว้ก็ตาม

ภาพดังกล่าวได้หนุนให้ เงินยูโร (EUR) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น กดดันให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลง นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ ได้หนุนให้ราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นราว +20 ดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเลือกที่จะทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง ก่อนรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์นี้ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท  

บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติม เพื่อรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ก่อน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็เลือกที่จะขายทำกำไรหุ้นเทคฯ ใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา อาทิ Nvidia -1.2% ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.02%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.66% หนุนโดยการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตามที่ตลาดคาดหวัง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง SAP +3.6% หลังผู้บริหารออกมาระบุว่าผลประกอบการของ SAP มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2027 

ในส่วนตลาดบอนด์ แนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะ ECB ที่ได้ลดดอกเบี้ยลง -25bps ตามคาด รวมถึงรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ยังคงทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างเชื่อว่า เฟดมีโอกาสเกิน 90% ที่จะลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้งในปีนี้ ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีจังหวะย่อตัวลงบ้าง แต่ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 4.28% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน โดยเราขอย้ำมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนสูงขึ้นได้ หากยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด แต่ทุกจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวที่น่าสนใจ (หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นเกินระดับ 4.50% ก็สามารถพิจารณาเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจได้เช่นกัน)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน แต่โดยรวมเป็นการอ่อนค่าลง หลังเงินยูโร (EUR) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามถ้อยแถลงของประธาน ECB ที่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ECB จะสามารถลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องได้ อย่างที่ตลาดคาดหวัง ทำให้การลดดอกเบี้ยของ ECB ในครั้งนี้ มีลักษณะเป็น “Hawkish Cut” ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ยังไม่ได้อ่อนค่าลงไปมากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงสู่ระดับ 104.1 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.1-104.4 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ แนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลัก และการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) สามารถรีบาวด์ขึ้นสู่โซน 2,396 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนได้ทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม ทั้งยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) 

ส่วนในฝั่งยุโรป เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB ในระยะถัดไป

และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานยอดการส่งออกและนำเข้าของจีนในเดือนพฤษภาคม ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนพฤษภาคม ว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องได้หรือไม่ (เราคาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจสูงขึ้นแตะระดับ 1.5%)

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบ 36.35-36.55 บาทต่อดอลลาร์  ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้ รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ได้ โดยเราประเมินว่า แม้เงินบาทจะแข็งค่าหลุดแนวรับ 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอยู่แถวโซนเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ทว่าการแข็งค่าของเงินบาทก็อาจชะลอลงบ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน โดยเฉพาะฝั่งผู้นำเข้าอาจรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในโซนต่ำกว่า 36.50 บาทต่อดอลลาร์

นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ อย่าง เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อเงินเยน (JPYTHB) ในช่วงนี้ได้ และนอกเหนือจากโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าว เราคาดว่า บรรดานักลงทุนต่างชาติก็อาจยังไม่รีบกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยในช่วงนี้ จนกว่าตลาดจะมั่นใจในแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือ ความวุ่นวายของการเมืองในประเทศไทยจะคลี่คลายลงมากขึ้น ทำให้เงินบาทเสี่ยงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้ หากนักลงทุนต่างชาติเลือกที่จะขายสุทธิสินทรัพย์ไทยในช่วงนี้ 

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ โดยจากสถิติย้อนหลัง 1 ปี เราพบว่า เงินบาทสามารถผันผวนอ่อนค่าลงได้กว่า 0.33% หากรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ออกมาสูงกว่าคาด ในทางกลับกัน หากรายงานข้อมูลดังกล่าวออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจหนุนให้เงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นกว่า 0.37% ได้ สะท้อนว่า ตลาดการเงินอาจอ่อนไหวกับข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ได้มากกว่า ข้อมูลการจ้างงานที่ดีกว่าคาด   

เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.35-36.55 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ

และประเมินกรอบในช่วง 36.25-36.60 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ

ราคาทองคำ

ขณะที่ ราคาทองวันนี้ 7 มิ.ย. 2567 ตามประกาศสมาคมค้าทองคำ  เวลา 09. 04 น. (ครั้งที่ 1) ราคาทองคำขึ้น 50 บาท    ส่งผลให้ราคาทองคำแท่ง และ ทองรูปพรรณ มีราคาดังนี้

ราคาทองคำแท่ง

รับซื้อ  40,700.00 บาท
ขายออก  40,800.00 บาท

ราคาทองรูปพรรณ

รับซื้อ  39,961.76  บาท
ขายออก 41,300.00  บาท

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.