ไฮซีซั่นท่องเที่ยว-เบิกจ่ายงบฯหนุนหุ้นไทยฟื้น ชี้ผจก.คนใหม่ชัด มิ.ย.นี้
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะฟื้นตัวดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากการท่องเที่ยวเข้าสูงช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4/67
อีกทั้ง งบประมาณภาครัฐบาลที่เบิกจ่ายได้ในช่วงไตรมาส 4/67และไตรมาส 1/68 ซึ่งยังไม่รวมถึงปีงบประมาณปีนี้ที่คาดว่าน่าจะเบิกจ่ายได้ในช่วงต้นปีหน้าเช่นกัน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯหากมีสัญญาณการปรับตัวลดลงจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตลาด Emerging Market
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือ เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างไร และความสามารถทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนอย่างไร ส่วนประเด็นการเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาการเข้าลงทุนของต่างชาติ หากตัวเลขเศรษฐกิจไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นจะสะท้อนมายังดัชนีตลาดหุ้นไทยเช่นกัน
กรณีความเห็นต่างเรื่องนโยบายอัตราดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลและแบงก์ชาตินั้น มองว่าเป็นปัจจัยรองเมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจว่าจะเติบโตอย่างไร ทั้งความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Healthcare , Tourism , FOOD ซึ่งผมมองว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญ มากกว่าปัจจัยการเมืองหรืออัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน
ความคืบหน้า ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่ ?
ผมคาดว่าภายในเดือน มิ.ย.นี้จะทราบความชัดเจน เบื้องต้นอยู่ระหว่างการสรรหาและคัดเลือก
สรุปผลโรดโชว์ ฮ่องกง
การโรดโชว์ที่ฮ่องกง มีกองทุนรายใหญ่เข้าร่วมกว่า 3,000 กองทุน อาทิ กองทุน Balrog , กองทุน JPMorgan เป็นต้น โดยประเด็นที่กองทุนให้ความสนใจหนึ่งในนั้นคือเรื่องการเมือง ซึ่งนักลงทุนต่างชาติมีการสอบถามมาเช่นกัน ทาง ตลท.ได้อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือเศรษฐกิจไทยจะโตอย่างไรและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยเป็นอย่างไรมากกว่า
อย่างไรก็ดี ผมคิดว่าตอนนี้สิ่งที่แตกต่างกันในเรื่องความเห็นของภาครัฐ กับ ธปท. คือ เรื่องเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันดอกเบี้ยไทยอยู่ที่ 2.5% ถือว่าต่ำมาก จะขึ้นหรือลงสำหรับผมมองว่าไม่ได้มากถ้าเทียบในช่วงอัตราดอกเบี้ยสูงๆ ดังนั้นเรื่องความขัดแย้งเรื่องความเห็นนี้ไม่ตรงกันนั้นสำหรับผมมองว่าเป็นปัจจัยรองมากกว่าการที่เราจะมาดูว่าเรื่องเศรษฐกิจไทยจะโตแบบไหน เรามีจุดแข็งหลายด้าน ทั้งการส่งออกดีขึ้น ความสามารถในการทำไรของบริษัทจดทะเบียนดีขึ้นแม้มีต้นทุนสูงขึ้นก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น Healthcare , Tourism , FOOD หรือขนส่ง ถือว่าฟื้นตัวดี ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมากกว่าเรื่องการให้น้ำหนักเรื่องการเมืองและอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน
นอกจากนี้ในส่วนของมาตรการ ตลท.ทั้งหมดที่ออกมาในช่วงนี้ทำเพื่อวัตถุประสงค์ 3 อย่าง คือ 1.ทำให้การเข้าถึงตลาดทุนอย่างเท่าเทียมกัน 2.การควบคุมไม่ให้ราคาเคลื่อนไหวมากเกินไป และ 3.การป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมหรือการซื้อขายแบบผิดกฎหมาย ผิดกับสิ่งที่ ตลท.กำหนดไว้ เช่น Naked Short Selling , Spoofing เป็นต้น ซึ่งพอได้อธิบายกับทางกองทุนก็เข้าใจและเห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว
สิ่งที่กองทุนแต่ละแห่งให้คำแนะนำ คือ อยากให้ ตลท.สื่อสารกับกองทุนในต่างประเทศมากขึ้น มีการรับฟังว่าในแต่ละมาตรการในแต่ละวิธีที่เราทำจะมีผลกระทบอะไรบ้าง บางอย่างเขาบอกเลยว่าหากทำมาตรการแบบนี้ ต้องมีการบอกล่วงหน้า และขอให้รับฟังว่าผลกระทบแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร
จับตาประชุมเฟดสัปดาห์หน้า
ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลท.ได้ร่วมโรดโชว์ที่ฮ่องกง มีผู้ลงทุนกองทุนใหญ่ๆเข้าร่วมกว่า 3,000 กองทุน โดยรวมได้รับอัพเดทนโยบายท่านนายกฯ มุมมองเศรษฐกิจ และตลาดทุน จุดขายสำคัญของไทยคือ 1.ไทยเป็นมิตรกับทุกประเทศที่มาค้าขาย สะท้อนยอด BOI บริษัทต่างชาติสูงกว่าปีก่อนๆกว่า 100% 2.อธิบายเรื่องมาตรการ ตลท.ที่ออกมาเพื่อป้องกันแบบเฉพาะ นักลงทุนต่างชาติไม่ได้รับผลกระทบ และ 3.ไทยเป็นแหล่งของ Green Energy ถือเป็นจุดแข็งของไทย
สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยลดลง 1.6% จากเดือนก่อนหน้าผลจากท่าทีที่ชัดขึ้นว่าเฟดยังคงดอกเบี้ยสูงไปอีกระยะหนึ่ง ขณะเดียวกันตัวเลขเศรษฐกิจไทยหลายตัวแม้ไม่สูงมากแต่ถือว่าสูงกว่าคาดค่อนข้างเยอะ อาทิ ตัวเลข GDP , ส่งออก และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/67
สิ่งที่ต้องติดตามต่อ คือ "การประชุมเฟด" ในสัปดาห์หน้าคงต้องรอคอนเฟิร์มตัวเลขต่ออีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งตลท.คาดว่าเฟดยังคงดอกเบี้ยในระดับสูง ถ้าจำกันได้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลายฝ่ายคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยปีนี้ราว 2-3 ครั้ง แต่ปัจจุบันคาดการณ์ว่าจะลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง และเอียงไปทางลดดอกเบี้ยลง 1 ครั้งในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อกดไม่ลง ผลจากสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฝั่งตะวันออกกลางและทะเลแดง
ประกอบกับรายงานของ IMF ล่าสุดปริมาณการขนส่งสินค้าในการส่งออกของประเทศต่างๆผ่านช่องทาง Suez Canal ซึ่งจะตัดผ่านสถานการณ์ความวุ่นวาย และ Cape of Good Hope จะอ้อมไปไกลแต่ไม่ผ่านกลุ่มประเทศสงคราม สิ่งที่เห็นคือในช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้มีการขนส่งไปยัง Cape of Good Hope มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการค้าขายระหว่างประเทศยอมเดินเรือในเส้นทางที่อ้อม ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันและ ค่าขนส่งที่สูงขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อ ทั้ง สหรัฐฯ ยุโรป และไทยยังไม่ปรับลดลง ซึ่งอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯตั้งไว้ต่ำกว่า 2% ปัจจุบันอยู่ที่ 2.5% นั่นจึงเป้นสาเหตุที่ว่าเฟดน่าจะคงดอกเบี้ยต่อในระดับสูงเพื่อกดเงินเฟ้อลง
ดังนั้นสิ่งที่ต้องติดตามต่อคือตัวเลขการว่างงานสหรัฐฯประกาศที่ผ่านมาออกมาแย่กว่าคาด แปลว่ามีสองตัวเลขที่ชี้ทิศทางที่เฟดควรจะทำแต่ชี้ไปคนละด้าน คือ เงินเฟ้อที่กดไม่ลงเฟดก็ควรคงดอกเบี้ยต่อ สะท้อนว่าปีนี้อาจไม่ลดเลย หรืออาจลดในช่วงเดือน ธ.ค.67 โดยเฉพาะก่อนเลือกตั้งมองว่าไม่น่าจะมีอะไรที่หักทิศทางเพราะอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมือง ขณะเดียวกันตัวเลขการจ้างงานที่ลดลงเยอะอาจจะทำให้มีการส่งสัญญาณว่าถึงเวลาที่ควรให้น้ำหนักเรื่องการจ้างงานหรือจีดีพีสหรัฐฯมากกว่าเรื่องเงินเฟ้อ ดังนั้นช่วงสัปดาห์นี้อาจต้อง wait & see ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาณของเฟดหรือไม่ ถ้าเฟดยังไม่ลดดอกเบี้ย ตลาด Emerging Markets ยังไม่คึกคัก
ด้านเศรษฐกิจจีนมีสัญญาณฟื้นตัวแต่ยังคงอ่อนแอโดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นแต่ PMI ภาคบริการลดลงเล็กน้อย เช่นเดียวกับเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกซึ่งเป็นตัวชี้วัดของอุปสงค์ที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ขณะที่ผู้ส่งออกใช้กลยุทธ์หั่นราคาสินค้าเพื่อรักษายอดขายในต่างประเทศ อย่างไรก็ดีรัฐบาลจีนประกาศมาตรการรักษาเสถียรภาพและกระตุ้นตลาดหุ้น
ขณะที่ประเทศไทย ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 1/2567 ขยายตัว 1.5% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 0.8% หลังได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว ส่วน GDP ปี 2567 คาดไว้ที่ 2.5% ซึ่งน่าจะค่อยๆขยับตัวดีขึ้น
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.