รัฐบาล เล็งดึงเงินนอกงบประมาณออกมาใช้จ่าย ยันไม่เกี่ยวดิจิทัล วอลเล็ต
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เมื่อวันที่ผ่านมา (27 พ.ค.67) ได้มีการพูดคุย และเสนอว่าในระยะยาวน่าจะนำเงินนอกงบประมาณมาใช้จ่าย เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยเสริม โดยรัฐบาลไม่พึ่งพาเฉพาะแหล่งเงินจากงบประมาณอย่างเดียว เพราะเงินนอกงบประมาณนั้นก็มีจำนวนมากเป็นหลักล้านล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตาม สำนักงบประมาณ ได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ได้มีการจัดสรรเป็นไปตามกรอบกฎหมาย ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลังเองก็รับข้อเสนอดังกล่าวมาศึกษา เพื่อดูรายละเอียดว่าในอนาคตจะสามารถดึงเงินนอกงบประมาณมาช่วยบรรเทาภาระทางงบประมาณของรัฐบาลได้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามการนำเงินนอกงบประมาณออกมาใช้ก็ไม่ได้ทันที ต้องดำเนินการตามระเบียบของแต่ละหน่วยงานด้วย
“รัฐบาลไม่ได้ชี้เป้าว่าต้องไปดูเงินนอกงบประมาณส่วนไหน ยังตอบไม่ได้ แต่เราทราบว่าเงินนอกงบประมาณล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งเยอะมา แต่บางส่วนก็เป็นกองทุนที่ไม่สามารถแตะต้องได้ แต่บางส่วนก็สามารถบริหารได้ก็มี รวมๆ หลายที่กันแล้ว ก็ หมื่นล้านบาท ตรงนี้หากบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยผ่อนเบางบประมาณได้ ” นายจุลพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า แนวคิดการดึงเงินนอกประมาณออกมาใช้จ่าย ไม่เกี่ยวข้องกับการนำเงินมาใช้ในโครงการเติมเงิน 10000 บาท ผ่าน Digital Wallet
นอกจากนี้ ที่ประชุมครม. ได้อนุมัติการปรับปรุงแผนการคลังระยะปานกลาง (ปี 2568-2570) ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเห็นชอบกรอบการคลังระยะปานกลางที่มีการปรับปรุงใหม่หลังรัฐบาลจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยเป็นการขาดดุลเพิ่มเติมทั้งหมด ขณะที่ตัวเลขหนี้สาธารณะนั้น จะปรับเพิ่มขึ้นราว 0.5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 63-64% ซึ่งตัวเลขที่ปรับเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยนั้นไม่ได้น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด
“การปรับกรอบการคลังนั้นเป็นไปตามจังหวะ เป็นขั้นตอนในการจัดทำงบประมาณเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อมีการปรับเพิ่มงบประมาณก็ต้องปรับกรอบการคลัง ไม่ปรับไม่ได้ โดยวงเงินงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาทนั้น จะทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะเพิ่มเล็กน้อย ประมาณ 0.5% ดีดขึ้นมานิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด และตัวเลขทั้งหมดที่นำเสนอ ครม. นั้นก็อยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง ส่วนแผนการคลังระยะปานกลางก็ยังอยู่ในกรอบ ยืนยันว่าทุกอย่างอยู่ในกรอบของกฎหมายทั้งหมด” นายจุลพันธ์ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการฟื้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) นั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยเรื่องนี้หากจะดำเนินการจริง ๆ มองว่า 2-3 สัปดาห์ก็สามารถสรุปได้ แต่หลัก ๆ ต้องอยู่ที่ฝ่ายนโยบายเป็นคนตัดสินใจมากกว่า
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.