CPAXT งบ Q1/67 กวาดกำไร 2,481 ล้าน โต 14.6% ยอดขายพุ่ง-ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง
นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของยอดขาย รวมถึงค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างเงินกู้ยืม
โดยในไตรมาส 1/2567 กลุ่มธุรกิจค้าส่ง มีกำไรสุทธิ จำนวน 1,568 ล้านบาท ลดลง 17.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากดอกเบี้ยจากการปรับโครงสร้างเงินกู้ยืมของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ Omni Channel ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสาขาใหม่ และค่าใช้จ่ายในการปรับโฉมสาขาเดิม ประกอบกับค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มดำเนินงานของศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจแม็คโครต่างประเทศ มีผลขาดทุนลดลง จากการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในประเทศกัมพูชา ขณะที่ประเทศเมียนมา มีกำไรเพิ่มขึ้น 270% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รวมถึงธุรกิจฟูดเซอร์วิสที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ในไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิ จำนวน 913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 239.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลหลักจากการเติบโตของยอดขายการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างเงินกู้ยืม
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2567 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 127,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขาย จำนวน 121,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่ง 6.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายภายในสาขาเดิม โดยเฉพาะจากการขายออนไลน์และการขายนอกร้านพร้อมการส่งสินค้าถึงลูกค้า (Omni Channel) และสาขาใหม่ของธุรกิจแม็คโครประเทศไทย ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจแม็คโครต่างประเทศและธุรกิจฟูดเซอร์วิส
ขณะที่รายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก เพิ่มขึ้น 6.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นอาหารสดและการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ สัดส่วน Omni Channel ของบริษัทและบริษัทย่อยคิดเป็น 16.3% ของรายได้จากการขาย ซึ่งดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 15% ตอกย้ำ “ผู้นำเทคโนโลยีค้าปลีกค้าส่ง” เป็นหัวใจสำคัญของการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค
ในไตรมาสนี้ บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการให้บริการและรายได้อื่นรวม จำนวน 2,315 ล้านบาท ลดลง 11.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลหลักจากรายได้อื่นของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ซึ่งเป็นกำไรทางบัญชีจากสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าจากการจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินในปีก่อน
สำหรับแนวโน้มธุรกิจปี 2567 บริษัทและบริษัทย่อยคาดการเติบโตของรายได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นกลยุทธ์การเติบโตผ่านทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการขาย Omni Channel การขยายสาขาใหม่ และปรับโฉมสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ และสร้างศูนย์การค้าให้เป็นศูนย์กลางชุมชนรวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัย โดยนำเสนอในรูปแบบและขนาดตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละท้องถิ่นได้ดียิ่งขึ้น
ในไตรมาสแรก 1/2567 บริษัทและบริษัทย่อยได้ดำเนินการเปิดศูนย์จำหน่ายสินค้าใหม่ 4 สาขา และเปิดโลตัส อีทเทอรี 1 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามแผนการขยายสาขาที่วางไว้ นอกจากนี้ ยอดขาย Omni Channel ในไตรมาส 1/2567 เติบโตอย่างก้าวกระโดด ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดยบริษัทฯ คาดว่ายอดขาย Omni Channel จะเพิ่มสัดส่วนเป็นอย่างน้อย 17% ของยอดขายรวมในปีนี้ จากการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า พัฒนาบริการและการขยายพื้นที่ให้บริการ รวมถึงใช้จุดแข็งของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกที่มีเครือข่ายรวมกันกว่า 2,600 สาขาทั่วประเทศ เป็นจุดกระจายและจัดส่งสินค้าเพื่อเพิ่มศักยภาพของสินทรัพย์ที่มีอยู่ พร้อมด้วยการพัฒนาทีมนักขายนอกร้านที่เข้าใจ เข้าถึงลูกค้า เพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้า ผู้ประกอบการ
อีกทั้งการผนึกกำลังของบริษัทและบริษัทย่อย ใช้ความแข็งแกร่งด้านอาหารสด พัฒนาต่อยอดอาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมทาน รวมทั้งสรรหาสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อสร้างความแตกต่าง ความหลากหลายในราคาที่คุ้มค่า และเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท (Private Label)
ทั้งนี้ การเติบโตของภาพรวมรายได้ดังกล่าวข้างต้นจะสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศและประเทศที่บริษัทมีการลงทุน โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว ภาคการบริการ รวมถึงภาคการผลิตเริ่มกลับมาขยายตัว ส่งผลดีต่อการบริโภคและตลาดแรงงาน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเชิงลบจากการเผชิญกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกที่ช้าและไม่ทั่วถึง รวมถึงกำลังซื้อที่จำกัด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการดำเนินงานของบริษัท
อย่างไรก็ดี บริษัทมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน (ESG) เพื่อเป็นองค์กรที่มีความยั่งยืนระดับโลก ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และลดผลกระทบเชิงลบด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ด้วยกลยุทธ์สร้างการเติบโตทั้งในด้านธุรกิจและความยั่งยืน การบริหารความเสี่ยงให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมทั้งการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพนั้น บริษัทและบริษัทย่อยจะสร้างรายได้และผลตอบแทนที่ยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.