FETCO จ่อหารือคลังหนุนฟื้น LTF ปรับเงื่อนไขเวลาถือครอง SSF-ThaiESG
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า FETCO เตรียมเข้าพบ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เพื่อหารือเกี่ยวกับกองทุน LTF หลัง รมว.คลัง มีแนวทางจะฟื้นกองทุน LTF ให้กลับมาอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังจะมีการเสนอปรับเงื่อนไขระยะเวลาถือครองกองทุน SSF ให้เหมือนกองทุน LTF รวมถึงโอกาสในการปรับเงื่อนไขระยะเวลาถือครองกองทุน ThaiESG ให้สั้นลงจาก 8 ปี เพื่อดึงดูดผู้ลงทุนสนใจลงทุนมากขึ้น พร้อมเสนอจัดตั้งกองทุนการออมเพื่อการศึกษาสำหนัลบุตรหลาน
ทั้งนี้ มองว่าในปี 2567 ยังมีความท้าทายในหลายด้าน ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน ความผันผวนของตลาดการเงินโลก และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ล่าสุด ในช่วงเดือน เม.ย.2567 สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ปรับประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2567 อยู่ที่ระดับ 1,535 จุด จากเดิม 1,590 จุด โดยคาดสิ้นไตรมาส 2/2567 ดัชนีฯ จะอยู่ที่ระดับ 1,447 จุด อย่างไรก็ตาม มองว่าเซนติเมนต์ในครึ่งหลังปี 2567 จะขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากจะเริ่มเห็นธนาคารกลางแต่ละแห่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย นำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจรอบใหม่
ในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่ามีช่องให้ ธปท.ปรับลดลดอกเบี้ยลงได้ เนื่องจากจากเศรษฐกิจชะลอตัวกว่าคาด และเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตาม ต้องดูจังหวะที่เหมาะสม
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือน เม.ย.2567 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ก.ค.2567) อยู่ที่ระดับ 92.29 โดยยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
โดยผลสำรวจ ณ เดือน เม.ย.2567 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับลด 28.9% มาอยู่ที่ระดับ 76.47 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ปรับลด 31.9% มาอยู่ที่ระดับ 77.78 อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ ปรับลด 13.1% มาอยู่ที่ระดับ 123.08 อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ อยู่ที่ระดับ 100.00 อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”
ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมา คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ รองลงมา คือ สถานการณ์เงินเฟ้อ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ขณะเดียวกัน หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) ส่วนหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)
ในช่วงต้นเดือน เม.ย.2567 SET Index แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบและมีมูลค่าซื้อขายเบาบางก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ในช่วงกลางเดือน SET Index ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,400 จุด โดยได้แรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศก่อนการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ก่อนจะปรับตัวลงแรงหลังเทศกาลสงกรานต์จากความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในอิสราเอลและอิหร่าน และผลประมาณการตัวเลข GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 1/2567 ขยายตัวที่ 1.6% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.4% และเป็นการชะลอตัวที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี
โดย SET Index ณ สิ้นเดือน เม.ย.2567 ปิดที่ 1,367.95 ปรับตัวลดลง 0.7% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือน เม.ย.2567 อยู่ที่ 45,435 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิกว่า 3,787 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 65,075 ล้านบาท
ทางด้านปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง อีกทั้งตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกายังอยู่ในระดับสูงซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในการคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป รวมถึงต้องจับตามองสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังมีความไม่แน่นอน
ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ มาตรการภาครัฐในกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเพื่อประคองเศรษฐกิจ ความชัดเจนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.