บล.บัวหลวง มองเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1,539 จุด ปักหมุดมาร์เก็ตแชร์ 4.72%

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS เปิดเผยว่า ในปี 2567 BLS ตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 4.72% แม้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (YTD) ของตลาดหุ้นไทยจะปรับลดลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 30,000-40,000 ล้านบาท/วัน โดยทั้งปี 2567 คาดอยู่ที่กว่า 40,000 ล้านบาท/วัน 

“ธุรกิจโบรกเกอร์ ปีนี้เหนื่อยกว่าปีที่แล้ว เพราะต้นปีที่แล้ววอลุ่มเทรดอยู่ที่ 50,000-60,000 ล้านบาท/วัน ปีนี้ YTD เฉลี่ยอยู่ที่ 30,000-40,000 ล้านบาท/วัน ปีนี้จึงเป็นปีที่ประคองตัว ฝืนตลาดไม่ได้” นายพิเชษฐ กล่าว

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS กล่าวว่า BLS ตั้งเป้าหมายรักษาพอร์ตลูกค้าเดิมที่ปัจจุบัน มีบัญชีลูกค้าทั้งหมดราว 680,000 บัญชี เป็นบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวประมาณ 80,000 บัญชี ลดลง 50% จากต้นปีก่อนมีบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 150,000 บัญชี โดยลูกค้าที่หายไปส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากภาวะตลาดหุ้น ทำให้นักลงทุนไม่ลงทุน บางส่วนติดหุ้น

ดังนั้น BLS ยังมุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าลงทุนได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุน ทั้งกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ การพัฒนาธุรกิจ BLS Top Funds Portfolio ซึ่งเป็นการบริการจัดพอร์ตกองทุนรวมแบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปทั่วโลก และจัดพอร์ตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ลงทุนให้นักลงทุนอย่างทันท่วงที ทำให้สร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจ และออกตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายความเสี่ยงช่วงที่ตลาดหุ้นไทยไม่ดี

นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2/2567 มองกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,330-1,430 จุด ปัจจัยกดดันต่างๆ เริ่มคลี่คลาย อาทิ งบเบิกจ่ายเข้ามาในเดือน พ.ค.2567

รวมทั้งคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายในเดือน มิ.ย.2567 ในอัตรา 0.25% จาก 2.50% ต่อปี เหลือ 2.25% ต่อปี เงินจะเข้ามาในไตรมาส 3/2567 และหากโครงการดิจิทัล วอเล็ต ผ่านการอนุมัติ ก็จะเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2567 โดยปี 2567 ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) เติบโต 3.1% (รวมโครงการดิจิทัล วอเล็ต) 

ทั้งนี้ มองว่าภาพรวมครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก กรณีเป็นซอฟแลนดิ้ง ไม่เป็น Recession สงครามไม่ลุกลามมาพุ่ง และเงินเฟ้อไม่กลับมาพุ่งสูงขึ้น โดยไตรมาส 3/2567 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุด ดังนั้นทำให้ภาพรวมในปี 2567 มองเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,539 จุด 

โดยแนะนำหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง ได้แก่ ไฟแนนซ์ ไอซีที, กลุ่มที่ได้รับประโยชน์นโยบายการลงทุน อาทิ ค้าปลีก ขนส่ง รับเหมาก่อสร้าง วางระบบ และกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าปีนี้จะปรับลดลงดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งแรกในเดือน มิ.ย.2567 

ส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียนในปี 2567 ประเมินอยู่ที่ 92 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2566 ที่ 76 บาท/หุ้น แต่เป็นการปรับลดลงจากที่ประเมินไว้ในช่วงต้นปี 2567 ที่ 95 บาท/หุ้น 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.