"เผ่าภูมิ"สอนมวยผู้ว่าแบงก์ชาติ ชี้กระตุ้นเศรษฐกิจมองแค่ระยะสั้นไม่ได้

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้รัฐบาลทบทวนหลักเกณฑ์ และการใช้งบประมาณจำนวน 5 แสนล้านทำโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่า ที่ผ่านมาคณะทำงาน หรือ คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet (บอร์ดใหญ่) ได้มีการถกเถียงในข้อเสนอแนะของธปท.ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องจำนวนคนที่ได้สิทธิ์ ซึ่งบอร์ดก็ได้ยอมรับในเหตุผล และได้มีการปรับลดจำนวนผู้ได้สิทธิ์ลงจากเดิมจะแจกให้ทั้งหมด เหลือ 50 ล้านคนที่ได้รับสิทธิ์ 

 

“การจะให้เงินเฉพาะแค่กลุ่มเปราะบาง 10 ล้านคน มันไม่ตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของโครงการ ยืนยันว่าโครงการนี้ไม่ใช่การเยียวยา แต่โครงการนี้ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นเม็ดเงินจึงต้องใหญ่พอ และจำนวนคนที่เข้าโครงการต้องมากพอ จนทำให้เกิดการสปาร์ค หรือกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ” นายเผ่าภูมิ กล่าว


 

ส่วนที่ธปท.ระบุว่า ขณะนี้การบริโภคในประเทศในขณะนี้เริ่มฟื้นตัว และขยายตัวได้ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เห็นว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจจะมองแค่ระยะสั้นไม่ได้ หรือมองเพียงการบริโภคอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองต่อไปถึงการลงทุน ซึ่งการลงทุนของไทยกำลังมีปัญหา ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) ของไทยติดลบ 16 เดือนต่อเนื่อง ถ้าติดลบอีก 1 เดือนเดียวถือว่าจะติดลบนานเป็นประวัติศาสตร์ในประเทศไทย สะท้อนการผลิตภาคเอกชนมีปัญหา ซึ่งอันตรายมาก เนื่องจากกำลังซื้อในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนกำลังซื้อที่มีอยู่จริง

 

“จะบอกว่าบอกว่ากำลังซื้อของไทยแข็งแรงไม่ได้ ถ้ากำลังซื้อที่แข็งแรงจะต้องตามมาด้วยการผลิตที่แข็งแรง ถ้าเป็นอย่างนี้เราจะยอมรับ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ภาคชนเขามองว่ากำลังซื้อไม่ได้สะท้อนภาวะเศรษฐกิจจริง เพราะฉะนั้นเราจึงมองว่า เศรษฐกิจยังต้องการแรงกระตุ้น  ส่วนที่บอกว่าเศรษฐกิจไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ก่อนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว ต้องมีการจั๊มสตาร์ทเศรษฐกิจก่อน ไม่เช่นนั้นจะปรับโครงสร้างได้อย่างไร” นายเผ่าภูมิ กล่าว
 

ส่วนข้อกังวล การใช้เงินของโครงการจะสร้างให้เกิดภาระทางการคลังระยะ จะทำให้ตัวหนี้สาธรณะต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นนั้น มองว่า ธปท.คงไม่ได้มองการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่จะเพิ่มขึ้นจากโครงการดิจิทัล วอลเล็ต  อย่างเดียว เวลามองเรื่องของนโยบายทางการคลังต่างๆ เมื่อใส่เม็ดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ แม้ระดับหนี้สาธารณะเพิ่มก็จริง แต่ต้องดูตัวจีดีพีที่เพิ่มขึ้นจากโครงการด้วย 

 

สำหรับผลกระทบการถูกปรับเครดิตประเทศนั้น มองว่า สถาบันจัดอันดับเครดิต ไม่ได้พิจารณาเรทติ้งเพียงการก่อหนี้เพียงอย่างเดียว แต่ดูโครงการว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ เงื่อนไขโครงการเป็นอย่างไร รัฐบาลไม่ได้มองว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ตจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแค่ระยะสั้นเท่านั้น แต่มองไปถึงว่าจะเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อเพื่อเชื่อมโยงไปยังการลงทุน เกิดการใช้จ่ายใหม่ ๆ เกิดการจ้างงาน เกิดการผลิตเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่การกระตุ้นแล้วหายไป แต่มั่นใจว่าจุดนี้จะเป็นการกระตุกเศรษฐกิจให้โตขึ้น


“เชื่อว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะช่วยดันจีดีพีไทยให้ขยายตัวได้ 1.2-1.8% ภายในระยะช่วง 1-2 ปีแรกหลังเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ” นายเผ่าภูมิ กล่าว

 

ส่วน การให้สิทธิ์ ร้านค้า เซเว่น บิ๊กซี แม็คโดนัล เคเอฟซี เข้าร่วมโครงการได้ กระแสสังคมมองว่าเป็นการเอื้อเจ้าสัวหรือ กลุ่มทุนใหญ่นั้น ต้องยอมรับว่า วัตถุดิบที่ร้านสะดวกซื้อนำมาขาย ไม่ใช่สิ่งที่เขาผลิตเองทั้งหมด เขาก็เป็นตัวกลางซื้อวัตถุดิบมาขาย เช่น อาหารแช่แข็ง ข้าวแช่แข็ง เงินส่วนนี้ก็ลงไปที่ชาวนาด้วย เกิดการผลผลิตเพิ่มขึ้น 


“เราต้องมองร้านสะดวกซื้อเป็นเพียงตัวกลางในการส่งผ่านเม็ดเงินลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจ ไม่ได้หยุดเพียงแค่ร้านสะดวกซื้อ และเขาต้องนำเงินไปซื้อวัตถุดิบอื่นด้วย” 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.