คาดเงินบาทวันนี้ 36.95-37.20เปิดเช้าอ่อนลงเล็กน้อยอยู่37.08บาท/ดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยแนวโน้มเงินบาทวันนี้ว่าอยู่ที่ 36.95-37.20 บาทต่อดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  37.08 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  37.02 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาททยอยอ่อนค่าลง ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันก่อนหน้า (แกว่งตัวในช่วง 36.87-37.11 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ และการรีบาวด์ขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ โดยภาพดังกล่าวก็ยังกดดันให้ ราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลงสู่โซน 2,320-2,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลงบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง นอกจากนี้ เรายังคงเห็นแรงซื้อเงินดอลลาร์จากผู้เล่นในตลาด การรอจังหวะเพิ่มสถานะ Short THB ของผู้เล่นต่างชาติ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ทำให้เงินบาทไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ และพลิกกลับมาทยอยอ่อนค่าลง

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท Krungthai GLOBAL MARKETS ประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนคาของเงินบาทมีกำลังมากขึ้นอีกครั้ง ตามการรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์ ซึ่งเงินดอลลาร์ก็อาจแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ (พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ) หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด จนทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด และเริ่มมองว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้เพียง 1 ครั้ง หรือไม่ลดดอกเบี้ย ซึ่งในกรณีดังกล่าว เงินบาทก็อาจยิ่งถูกกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมเข้าซื้อทองคำ หากราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

นอกจากนี้ เงินบาทก็ยังคงเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ เงินบาทเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซน 37.15-37.25 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ต้องรอจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ว่าจะทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะหากนักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือขายทำกำไรสถานะ Short THB ในช่วงโซนแนวต้านดังกล่าวเช่นกัน 

อนึ่ง ยังคงมองว่า ผู้เล่นในตลาดยังคงต้องเฝ้าระวังและติดตามความเสี่ยงที่ทางการญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดค่าเงิน เพื่อหนุนให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังเงินเยนได้อ่อนค่าทะลุโซน 155 เยนต่อดอลลาร์ โดยเรามองว่า ทางการญี่ปุ่นอาจรอจังหวะที่โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินดอลลาร์เริ่มแผ่วลงชัดเจน ซึ่งอาจต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอลงต่อเนื่อง จนทำให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด และเริ่มกลับมาคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟดราว 2-3 ครั้งในปีนี้ มากขึ้น

บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น เพื่อรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ที่เหลือในสัปดาห์นี้ ทั้ง GDP ไตรมาสแรกของปี 2024 และอัตราเงินเฟ้อ PCE ทำให้แม้ว่าโดยรวมรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนจะเริ่มออกมาดีกว่าคาดและส่งผลดีต่อหุ้นบางส่วน เช่น Texas Instrument +5.6% แต่ดัชนี S&P500 ก็ปิดตลาดเพียง +0.02%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาลดลง -0.43% ท่ามกลางความกังวลผลประกอบการของกลุ่มธนาคาร ที่กดดันให้บรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารต่างปรับตัวลดลง อาทิ UBS -2.9% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ อย่าง หุ้นกลุ่ม Semiconductor ตามความหวังแนวโน้มผลประกอบการที่สดใส 

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รีบาวด์ขึ้น สู่ระดับ 4.64% หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ทั้ง GDP ไตรมาสแรกของปีนี้ และ อัตราเงินเฟ้อ PCE  ซึ่งหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ออกมาดีกว่าคาด ก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดมากขึ้น ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสผันผวนสูงขึ้นต่อทดสอบโซน 4.70% ได้ไม่ยาก อย่างไรก็ดี เราคงมองว่า บอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ นั้นมีความน่าสนใจในทุกจังหวะการปรับตัวขึ้น (เน้นกลยุทธ์ทยอย Buy on Dip) โดยมี Risk-Reward ที่คุ้มค่ามากขึ้น 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์รีบาวด์แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมาระมัดระวังตัวมากขึ้น เพื่อรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อีกทั้ง เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็ผันผวนอ่อนค่าลงทะลุโซน 155 เยนต่อดอลลาร์ หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้บ้าง โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) รีบาวด์ขึ้นสู่โซน 105.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.7-105.9 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปได้ และยังคงแกว่งตัวแถวโซน 2,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะปรับฐาน และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าว ก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าในช่วงคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้ เราประเมินว่า หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นได้ราว 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็อาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรได้บ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท
 
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกของปี 2024 ซึ่งหากเศรษฐกิจยังขยายตัวได้แข็งแกร่งและดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างยังคงกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อได้ 

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของทาง ECB ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่า ECB จะเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ตั้งแต่การประชุมเดือนมิถุนายนนี้

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ทั้ง Microsoft, Alphabet และ Intel ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควรในช่วงนี้

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.