ขยายเวลาเทรดไม่ช่วย! แรงขายหุ้นใหญ่กด SET ร่วง 8.55 จุด ขีดสุดรอบนี้ 1350

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้ (25 มี.ค. 2567) อยู่ที่ 1,372.49 จุด ลดลง -8.55 จุด คิดเป็น -0.62% มูลค่าการซื้อขาย 41,151.59 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,385.61 จุด และลดลงต่ำสุด 1,368.21 จุด

10 หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด ดังนี้

สถาบัน-ต่างชาติ รวมพลังขาย


 

มาทรงนี้ อันตราย!

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า มุมมองทางเทคนิค SET Index ภาพรายชั่วโมง ดัชนีฟอร์มตัว Chart Pattern รูปแบบ Head and Shoulders โดยดัชนีได้หลุดเส้น Neck Line ลงมา แล้วเหมือนจะมีแรงซื้อกลับจาก Bullish Divergence ย่อยๆที่เกิดขึ้น แต่คาดว่าจะเป็นการรีบาวด์เพื่อลงต่อ มองแนวรับถัดไปที่บริเวณ Low 1365 จุด

     กลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายแนะนำหากรับความเสี่ยงได้ให้เก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาด หากรับความเสี่ยงได้น้อยรอซื้อที่แนวรับกรอบด้านล่างแถว 1355 - 1360 จุด เมื่อดัชนียืนได้ มองแนวต้าน 1380 / 1385 จุด 

     หุ้น MAJOR มุมมองทางเทคนิค ภาพรายวัน ราคา Breakout เหนือเส้น Trend Line แล้วขึ้นมาเทรดเหนือเส้น EMA89 พร้อมด้วย MACD ยืนแข็งแกร่งเหนือ Zero Line บ่งชี้ว่าราคาอยู่ในรอบการรีบาวด์ โดยมีแนวต้าน High ถัดไปที่บริเวณ 15.30 และ 15.80 บาทตามลำดับ

     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Buy on Dip ที่ 14.60 บาท STOP LOSS หากต่ำกว่า 14.30 บาท

     หุ้น SSP มุมมองทางเทคนิค ภาพรายวัน ราคาพักตัวลงมาที่แนวรับเส้น EMA89 พร้อมกับ MACD ยกตัวขึ้น และราคาไม่ทำ New Low เกิดสัญญาณ Bullish Divergence สอดรับกับจังหวะ MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal หนุนราคาทำ Swing High รอบใหม่ โดยมีเป้าหมายใหญ่ที่ High เดิม 8.50 บาท

     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Buy on Dip ที่ 7.85 บาท แนวต้าน 8.25 / 8.50 บาท STOP LOSS หากต่ำกว่า 7.65 บาท

     หุ้น SAFE มุมมองทางเทคนิค ภาพรายวัน ราคาทำ All Time High หลังจากสามารถ Breakout High ก่อนหน้าบริเวณ 21.00 บาทขึ้นมาได้ ประกอบกับ MACD ที่ตัดขึ้นเส้น Signal ก่อนหน้า สามารถเลี้ยงตัวมาเหนือ Zero Line และ ราคาได้ไต่ขึ้นตามเส้น Trend Line แข็งแกร่ง

     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Buy on Dip ที่ 21.00 บาท แนวต้าน 22.00 / 22.50 บาท STOP LOSS หากต่ำกว่า 20.60 บาท

 

1372 ห้ามหลุด

     นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยทางเทคนิค บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลง ซึ่งการย่อตัวรอบนี้ไม่ควรหลุดต่ำกว่าระดับ 1372 จุด เพื่อรักษาทิศทางเชิงบวกในภาพระยะกลาง แต่กรณีหลุด 1372 จุดจะทำให้เป็นการดึงสัญญาณลบเข้ามาทันที และเสี่ยงที่จะลงต่อสู่ระดับ 1355 จุด แนะนำรอขายทำกำไรที่แนวต้าน 1400 จุด โดยมีแนวรับ 1365 / 1350 จุด แนวต้าน 1400 / 1415 จุด

 

วอลุ่มทะลุ 5 หมื่นล้านดี

     ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า พรุ่งนี้(26 มี.ค.67)ติดตามกระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขนำเข้า-ส่งออก เดือน ก.พ. Bloomberg Consensus คาดภาคการส่งออกบ้านเราโต 4.35%YoY และนำเข้าโต 2.40%YoY หนุนดุลการค้าขาดดุลลดลงเหลือ -537 ล้านเหรียญฯ หนุนรอบบวกต่อ TU, ITC, CPF, KCE, HANA โดย SET ยืน 1372 จุด ลุ้นดีด มองแนวต้าน 1380 - 1383 จุด

     ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าซื้อขายต่อวันเบาบางลงต่อเนื่อง โดยปี 2564 มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 8.8 หมื่นล้านบาท, ปี 2565 มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 7.1 หมื่นล้านบาท, ปี 2566 มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 5.1 หมื่นล้านบาท และปี 2567YTD 4.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งวันนี้(25 มี.ค.67)เป็นวันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์เพิ่มชั่วโมงซื้อขายตอนบ่ายเร็วขึ้น 30 นาที เป็น 13.30 น. (ช่วงเช้าชั่วโมงซื้อขายเวลาเดิม)รวมชั่วโมงซื้อขายใน 1 วันเพิ่มขึ้นจาก 4ชั่วโมงครึ่ง เป็น 5 ชั่วโมง (เพิ่มขึ้น 11.11%) ซึ่งเข้าใกล้ตลาดหุ้นประเทศอื่นๆที่บางประเทศมีชั่วโมงซื้อขาย 6 - 7 ชั่วโมง

     ประเด็นนี้น่าจะช่วยชดเชยสภาพคล่องที่น้อยลงต่อเนื่องให้ดีขึ้น แต่ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าจะผลักดันให้ SET INDEX ปรับตัวขึ้นได้ดี อย่างน้อยต้องมีมูลค่าซื้อขายต่อวันสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท (หรือมี TURNOVER > 70% ของมูลค่าซื้อขายต่อปี) ดัชนีจึงจะช่วยหนุนดัชนีให้มีโอกาสขยับตัวขึ้นได้ดี ซึ่งอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยได้ คือ การปรับลดดอกเบี้ย เพราะปกติเวลาดอกเบี้ยลดลง 0.25% จะช่วยหนุนให้มูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นได้ราว 3-4 พันล้านบาทต่อวัน

     อย่างไรก็ดี การเพิ่มชั่วโมงซื้อขายน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยชดเชยสภาพคล่องได้ในระดับหนึ่ง แต่ในระยะถัดไป ถ้ามีการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องก็จะช่วยหนุนให้มูลค่าซื้อขายสูงขึ้นได้อีก และอาจเพียงพอต่อการพยุงดัชนี รวมถึงช่วยผลักดันให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

 

7หุ้นได้ดีขยายเวลาเทรด

     ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า การออกมาตรการขยายระยะเวลาการซื้อขายของทางตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ที่เพิ่ม เวลาการซื้อขายช่วงบ่ายขึ้นอีกครึ่งชั่วโมงต่อวัน นอกเหนือจะช่วยสร้างวอลุ่มเทรดให้กับตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นแล้ว ปัจจัยดังกล่าวอาจเป็นตัวช่วยทําให้หุ้นบางบริษัท สามารถยกระดับ Turnover ratio ของตนเองให้ขึ้นมา จนผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ ในการดํารงอยู่ในดัชนีสําคัญอย่าง SET50 และ SET100 ต่อไปได้

     จากการตรวจสอบข้อมูลของฝ่ายวิเคราะห์ล่าสุดจนถึงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่ยังสุ่มเสี่ยงต่อการดํารงอยู่ต่อในดัชนีสําคัญอย่าง SET50 เนื่องจากมีระดับ Turnover ratio ที่ผ่านเกณฑ์ขึ้นมายังไม่มากนัก ได้แก่ DELTA, GULF, INTUCH, OR, TLI ส่วนหุ้นขนาดกลางใน SET100 ที่มีความเสี่ยงดังกล่าวเช่นกัน ได้แก่ BSRC และ BLA ฝ่ายฯประเมินว่าหากการขยายเวลาเทรดนํามาสู่วอลุ่มการซื้อขายของหุ้นเหล่านี้ที่มากขึ้นจะทําให้โอกาสที่หุ้นเหล่านี้ดํารงอยู่ต่อไปในดัชนีสําคัญจะมีสูงขึ้นโดยอัตโนมัติเช่นกัน เป็นประโยชน์ต่อตัวหุ้นโดยตรง

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.