จับตาสงครามเดือดดันราคาทองสัปดาห์นี้ทั้งไทยและโลกพุ่งสู่ All-Time High
ฮั่วเซ่งเฮงให้มุมมองราคาทองสัปดาห์นี้ว่า หากมีความรุนแรงเกิดขึ้นจากทั้งสงครามอิสราเอล-ฮา อาจยังหนุนราคาทองคำอยู่ และจะเกิดการปรับฐานไม่ลึกมากนัก สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 2,150 ดอลลาร์ และ 2,130 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,180 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,195 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 37,200 บาท และ 37,000 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 37,500 บาท และ 37,650 บาท
อย่างไรก็ตาม แม้มีสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองรายวันจะเห็นการปรับตัวลง จาก MACD ที่เส้น MACD ตัดเส้น Signal ลงมา และ Modified Stochastic ที่ %K ตัด %D ลงมาเช่นกัน แต่คาดว่าเป็นการปรับฐานระยะสั้น ทั้งนี้คาดว่าราคาทองคำจะปรับลงสู่แนวรับ 2,150 ดอลลาร์ หากหลุดแนวรับดังกล่าวมีโอกาสที่ปรับตัวลงต่อสู่แนวรับ 2,130 ดอลลาร์ ซึ่งแนวรับนี้ยังเป็นแนวรับที่สามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นได้
สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ spot และราคาทองไทยปรับตัวขึ้นสู่ All-Time High รอบใหม่ นับว่าปีนี้เป็นปีที่ดีของทองคำ ราคาทองคำ spot ได้ขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All-Time High) ที่ 2,222 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเกิดแรงเทขายออกมาในช่วงปลายสัปดาห์ ซึ่ง ณ ตอนนี้ราคาทองคำให้ผลตอบแทนกว่า 4.9% ในปีนี้
แต่ราคาทองคำแท่งในประเทศกลับร้อนแรงยิ่งกว่า ได้ขึ้นสู่ระดับ All-Time High ที่ 37,650 บาท ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นกว่า 16 ครั้งในปีนี้ และให้ผลตอบแทนกว่า 10.99% เพียงใช้เวลาผ่านไปแค่ 3 เดือนเท่านั้น นับว่าปีนี้ หากมีการเข้าซื้อทองคำแท่งโดยตรงจะได้รับผลตอบแทนมากกว่าการซื้อกองทุนรวมทองคำ
ทั้งนี้ปัจจัยหนุนราคาทองคำ ยังมาจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยลดลงของสหรัฐ หลังจากเฟดยืนยันลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้ตลาดคาดว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. เป็นครั้งแรก ซึ่งเหลือเพียงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ขณะที่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่คาดว่าจะหนุนราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปีนี้ ได้แก่ แรงซื้อทองคำของธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะจีน ความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งสหรัฐในปีนี้ และความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส และสงครามรัสเซีย-ยูเครน
จับตาสงคราม 2 คู่ร้อนระอุขึ้น
สำหรับสงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่อิสราเอลยังคงเน้นย้ำว่าอิสราเอลจะโจมตีกลุ่มฮามาส ซึ่งรวมถึงเมืองราฟาห์ และรัฐบาลก็ได้อนุมัติต่อแผนในการใช้ปฎิบัติการครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว แม้จะมีคำเตือนจากสหรัฐ แต่อิสราเอลเมินคำเตือนสหรัฐ และเน้นย้ำว่ากองทัพอิสราเอลจะบุกโจมตีเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา และทำลายกลุ่มฮามาสในท้ายที่สุด “แม้ว่าทั้งโลกรวมถึงสหรัฐ จะเป็นศัตรูกับอิสราเอลก็ตาม” ส่งผลด้านมนุษยธรรม ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอาจหนุนแรงซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่
ส่วนสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งการเลือกตั้งรัสเซียพึ่งผ่านไป ผลการเลือกตั้ง ยังคงเป็นประธานาธิบดีปูตินที่มีคะแนนถล่มทลายกว่า 88% ตัวเลขตรงนี้สะท้อนถึงคนรัสเซียยังหนุนปูติน โดยเฉพาะเรื่องสงคราม ล่าสุดปูติน ได้ขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ หากนาโต ส่งกำลังทหารเข้าไปในยูเครน ซึ่งหากเมื่อใดมีการเกิดยิงนิวเคลียร์จากรัสเซียขึ้นมา จะดันราคาทองคำขึ้นแรง ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยถึงการผลิตกระสุนปืนใหญ่เพิ่มขึ้นเกือบ 2.5 เท่าในปี 2566 โดยมีการผลิตส่วนประกอบปืนใหญ่ได้เพิ่มขึ้นถึง 22 เท่า และแหล่งข่าวยังเผยอีกว่ารัสเซียผลิตกระสุนปืนใหญ่ได้มากกว่าสหรัฐและยุโรปรวมกันเกือบ 3 เท่า
เหตุการณ์ข้างต้น ได้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัสเซียในการเร่งจัดหาอาวุธ ให้เร็วกว่าที่ชาติตะวันตกจัดหาให้ยูเครนได้ ทำให้ชาติตะวันตกกังวลว่า รัสเซียจะมีความได้เปรียบในการเอาชนะในสงครามได้มากขึ้น รวมถึงสหรัฐและยุโรปซึ่งสภานิติบัญญัติเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการ “อุ้มยูเครน” จนสั่นสะเทือนสถานะการคลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่หลายประเทศกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง
สำหรับผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 25 – 29 มี.ค.67 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ พบว่า 14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 3 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 6 ราย หรือเทียบเป็น 43% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 5 ราย หรือเทียบเป็น 36% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 338 ราย ในจำนวนนี้มี 191 ราย หรือเทียบเป็น 57% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์นี้จะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 106 ราย หรือเทียบเป็น 31% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 41 ราย หรือเทียบเป็น 12% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ราคาทองคำ
ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 36,600 – 37,650 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 37,350 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 650 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 36,700 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1. สถานการณ์ในตะวันออกกลาง จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐฯ เสนอร่างมติต่อองค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดยิงในฉนวนกาซา ซึ่งหากการเจรจาสันติภาพประสบผลสำเร็จจะทำให้กลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนยอมปล่อยให้เรือบรรทุกน้ำมันเดินเรือผ่านทะเลแดง
2. ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน มีกำหนดพบกับบรรดาผู้นำในภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ระหว่างการประชุมประจำปี ณ กรุงปักกิ่ง ทั้งนี้ ผู้นำจีนพยายามโน้มน้าวให้บริษัทต่างชาติเข้าร่วมการลงทุนภายในจีน หลังยอดลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี
3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายจีดีพี ไตรมาส 4/2566 ของสหรัฐฯ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะสะท้อนสภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ชัดเจนขึ้น ส่งผลต่อคาดการณ์ว่า FED จะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.