"QTCG" ตัวจริงงานติดตั้งระบบ ชูธง ESG ธุรกิจโตยั่งยืน
" ผมอยู่ในวงการรับเหมาฯมาเกือบ 24 ปี ผมเกิดในวงการนี้ตั้งแต่อายุ 31 เรียกว่าอยู่จนกระทั่งรู้แล้วว่าใครเป็นใคร ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอุปสรรคมามาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger Crisis) หรือ น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 หรือ โควิด-19 ถือว่าผ่านวิกฤติมานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นเรารู้วิธีการรับมือว่าต้องทำอย่างไร และต้องเตรียมความพร้อมอย่างไร
สิ่งสำคัญในการรับมือวิกฤติ คือ ต้องพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นทั้ง "Supplier" หรือ "Subcontractor" ฯลฯ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องดูแลเรื่องเครดิตการค้า เครดิตการเงินให้ดีตลอดเวลา อีกส่วนคือ "สถาบันการเงิน" เราต้องสร้างเครดิตการเงินที่ดีเช่นกัน พอเครดิตเราดี พันธมิตรเชื่อมั่นจะช่วยผลักดันให้ก้าวข้ามทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี แต่อย่าลืมว่าเราต้องบริหารจัดการตัวเองให้ดีด้วยเช่นกัน "
"คุณธิติ - ธิติวัฒน์ เงินนำโชคธนรัตน์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ QTCG เล่าอีกว่า บริษัทก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2544 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท และปีนี้ย่างเข้าสู่ปีที่ 24 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท
บริษัทประกอบธุรกิจรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) อย่างครบวงจร ทั้งในรูปแบบผู้รับเหมาหลัก (Main contractor) และในรูปแบบผู้รับเหมาช่วง (Subcontractor) ประกอบด้วย 1) รับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและการสื่อสาร 2) ติดตั้งงานระบบปรับอากาศและการระบายอากาศ 3) ระบบสุขาภิบาลและระบบประปา และ 4) ระบบป้องกันอัคคีภัยภายในอาคาร ซึ่งทีมวิศวกรและพนักงานมากด้วยประสบการณ์และความสามารถในการดำเนินงานได้คุณภาพและส่งมอบตรงเวลา
กลุ่มลูกค้าหลัก ทั้ง กลุ่มโรงไฟฟ้า, กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม, กลุ่มอาคาร, กลุ่มโรงพยาบาล, กลุ่มโรงแรม เป็นต้น
" เชื่อหรือไม่ว่า นับตั้งแต่วันแรกที่ทำธุรกิจ เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะนำ QTCG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ ณ ตอนนั้นมีปัญหาและอุปสรรคบางสิ่งเกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องเร่งเคลียร์ปัญหาก่อน พอทุกอย่างชัดเจนในช่วงปลายปี 64 เราจึงกลับมาโฟกัสความฝัน และเดินหน้าเข้าตลาดหุ้นตามที่ได้ตั้งใจไว้ ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีที่ดี และเป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จของเรา "
QTCG เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ขณะที่ มูลค่าตามราคาบัญชี (book value) 0.71 บาท/หุ้น กรณีคำนวณจากมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ 30 กันยายน 2566 ซึ่งเท่ากับ 298.44 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญปัจจุบันก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 420,000,000 หุ้น
"การระดมทุนครั้งนี้ เพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งธุรกิจและเพิ่มโอกาสรับงานโครงการต่างๆเพิ่มขึ้น โดยจะนำเงินใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ภายในปี 67-68"
ภาพรวมการแข่งขันกลุ่มรับเหมาฯปีนี้ มองว่าไม่รุนแรงเหมือนช่วงวิกฤติโควิด-19 เนื่องด้วยในช่วงวิกฤตินั้นหลายบริษัทต้องการเพิ่มงานในมือให้มากขึ้น แต่ตอนนี้สถานการณ์ถือว่ากลับมาดีขึ้น มีงานออกมาให้เลือกค่อนข้างมาก ซึ่งบริษัทเข้าประมูลโครงการต่างๆมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคาดว่าจะมีโอกาสได้รับงานราว 40% ถือเป็นระดับที่พึงพอใจ
"ช่วงโควิด-19 มีการแข่งขันด้านราคาเกิดขึ้น ซึ่งเราไม่สามารถสู้ราคาได้ เพราะเราคำนึงถึงเรื่องมาร์จิ้นเป็นหลัก เพราะการที่รับงานไปโดยที่ขาดทุนหรือกินเนื้อตัวเอง เราไม่ทำ ดังนั้นในปี 63 ที่เกิดวิกฤติเรารับรู้รายได้เพียง 300 กว่าล้านบาทเท่านั้น ในปี 64 รับรู้รายได้กว่า 600 ล้านบาท ปี 65 รับรู้รายได้ 900 กว่าล้านบาท ถือว่าเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งโดยปกติคาดการณ์การเติบโตต่อปีราว 20%"
ขณะที่การพิจารณาร่างงบประมาณปี 67 ถือว่าช่วยสร้างบรรยากาศกลุ่มรับเหมาฯกลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมถึงสร้างโอกาสในการได้รับงานของ QTCG เช่นกัน เนื่องด้วยบริษัทรับงานราชการ สัดส่วน 40% และอีก 60% งานเอกชน ซึ่งบริษัทสามารถรับงานได้ 2 แบบ คือ รับงานโดยตรงจากเจ้าของโครงการ และ รับงานผ่านผู้รับเหมาหลัก ซึ่งส่วนใหญ่งานราชการเราจะรับงานผ่านผู้รับเหมาหลัก ขณะที่งานเอกชน ส่วนใหญ่มาจากการติดต่อเจ้าของโครงการโดยตรง เป็นต้น
"ปีที่ผ่านมาด้วยปีงบประมาณขาดช่วงตั้งแต่ ต.ค.ปีที่ผ่านมาทำให้ธุรกิจรับเหมา,อสังหาฯอึมครึมที่สุด ลากยาวจนถึงเดือนมี.ค.67 กว่าจะใช้งบประมาณได้คาดว่าน่าจะเดือน มิ.ย. นั่นหมายความว่าการเบิกจ่ายงบฯน่าจะทำได้ และภาคเอกชนเตรียมวิ่งไปพร้อมกับรัฐบาลเช่นกัน"
นโยบายรับงานเพื่อป้องกันความเสี่ยงอย่างไร ?
เริ่มต้นก่อนที่จะเสนอราคา คือ เราต้องพิจารณาถึงบริษัทที่ชวนเราเข้าไปก่อนไม่ว่าจะเป็น Owner หรือ Main contractor ว่าเป็นใคร จากนั้น คำนึงถึง กำไรขั้นต้น หรือ Gross Margin ที่ผ่านมาเราทำ Gross Margin ราว 15% อย่างไรก็ตามต้องรักษาระดับ Gross Margin ไม่ต่ำกว่า 10% นี่คือหัวใจสำคัญ
" เรื่องการรับงานเราต้องดูต้นทางก่อนว่ามีเงินหรือไม่ มีเครดิตการเงิน เครดิตการค้าที่ดีหรือไม่ ที่สำคัญคือทำงานจบหรือไม่ ไม่ใช่ว่าทำงานไม่จบแล้วลากเราทำงานไม่จบด้วย เป็นต้น คือบางบริษัทมีฐานะการเงินดีแต่ทำงานไม่จบ ลากยาว ทำให้เราถูกปรับไปด้วยแบบนี้ต้องระมัดระวัง
และด้วยความที่เราเป็นพันธมิตรกับผู้รับเหมาและผู้ประกอบการทุกราย เราจะไม่ผูกขาดรายใดรายหนึ่ง เพราะเราจะไม่วางไข่ไว้ในตะกล้าเดียว "
ภาพธุรกิจ QTCG ในอีก 3 ปีข้างหน้า ยอมรับว่าไม่ว่าภาพข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ไม่ว่ารอบด้านจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ขอย้ำอีกครั้งว่า QTCG จะยังคงเดินหน้าก้าวต่อไปอย่างมั่นคง เราจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนทุกบาททุกสตางค์มาใช้ในเพิ่มขีดความสามารถในการรับงานอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อเป้าหมายเดียว นั่นก็คือ สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันมูลค่างานในมือ(แบ็กล็อก)ราว 1,248 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้รายได้ใน 2 ปี อาทิ โครงการ CIB International school, โครงการ คอนโด ชูช์ ราชเทวี (SHUSH), โครงการก่อสร้างอาคารกระทรวงมหาดไทย, โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยาย ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ โซน C, โครงการ วัน อมตะ, โครงการก่อสร้างอาคารใหม่ตลาดยิ่งเจริญ, โครงการ KIS International school เป็นต้น
"จะเห็นว่า QTCG สามารถรับงานใหญ่ ที่มีมูลค่าโครงการระดับ 500-600 ล้านบาทได้ และหลังจากเข้าตลาดแล้วคาดว่าจะสามารถรับงานมูลค่าสูงๆเพิ่มขึ้นได้"
อย่างไรก็ดี ส่วนตัวเชื่ออย่างยิ่งว่าการเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอครั้งนี้ QTCG จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนไม่มากก็น้อย และหวังใจว่าจะได้ร่วมเติบโตไปด้วยกัน
" QTCG เป็นบริษัทที่มีพนักงานที่มีความรู้ ความสามารถในการก่อสร้างงานระบบให้อย่างมีคุณภาพและสามารถส่งมอบงานตรงตามเวลา เราเป็นพันธมิตรกับทุกธุรกิจอุตสาหกรรมที่ช่วยให้เริ่มต้นและเดินต่อไปได้อย่างงดงาม บริษัทมีพันธมิตรที่ดีทุกภาคส่วน มีสถาบันการเงินให้การสนับสนุน มีเครดิตการค้าและการเงินที่ดี สามารถรับงานจำนวนมากได้ บริษัทมุ่งเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม, สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, Governance : ESG)
โดยให้ความสำคัญในเรื่อง Good Governance เพราะเชื่อว่าผู้ถือหุ้นคำนึงถึงเรื่องนี้ และขอให้มั่นใจว่าเราจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร เราไม่ได้เข้าตลาดมาเพื่อที่จะกอบโกยแล้วจากไปอย่างแน่นอน เราตั้งใจสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อยากให้เชื่อมั่น QTCG ส่วนตัวผมเองมั่นใจว่าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เพื่อเติบโตในเส้นทางนี้ และเราจะโตต่อเนื่องไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน "
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.