เงินบาทวันนี้35.55-35.80เปิดเช้าอ่อนค่าลงอยู่ที่35.73บาท/ดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยมุมมองเงินบาทวันนี้ในกรอบ 35.55-35.80 บาทต่อดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ  35.73 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  35.57 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนสูงในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ตามที่เราได้ประเมินไว้ (แกว่งตัวในช่วง 35.51-35.80 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทได้ผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ตามการพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่ออกมา 3.2% สูงกว่าคาดเล็กน้อย (ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ชะลอลงสู่ระดับ 3.8% แต่สูงกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย) ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า เฟดจะยิ่งไม่รีบปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงและเฟดอาจลดดอกเบี้ยเพียงราว 3 ครั้งในปีนี้ (ก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 3 ครั้ง)

นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันเงินบาทเพิ่มเติม ผ่านการปรับตัวลดลงแรงราว -20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ของราคาทองคำ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในช่วงปรับฐานลงมาบ้าง ทั้งนี้ เงินบาทยังไม่ได้อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านที่เราประเมินไว้ ตามแรงขายเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ส่วนเงินดอลลาร์ก็ย่อตัวลงบ้าง หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On)

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท Krungthai GLOBAL MARKETS ประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways หลังพลิกกลับมาอ่อนค่าเร็วและแรง จากช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เนื่องจากส่วนหนึ่ง ผู้เล่นในตลาดบางส่วน อาทิ ฝั่งผู้ส่งออกอาจรอจังหวะเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง ในการทยอยขายเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศอื่นๆ อาทิ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลัง JPYTHB ได้ปรับตัวขึ้นเข้าสู่โซน 24 บาท/100 เยน

นอกจากนี้ มองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อื่น ๆ ในช่วงปลายสัปดาห์ ทำให้เงินดอลลาร์ รวมถึงราคาทองคำก็อาจยังคงแกว่งตัวในกรอบ หลังมีการเคลื่อนไหวพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ควรจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ส่วนตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกง ก็เริ่มกลับมาอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียอาจอยู่ในบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงได้เช่นกัน ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าซื้อหุ้นไทยได้บ้าง ทำให้โดยรวมเรายังมองว่า เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 35.80 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้ 

แต่เงินบาทก็อาจยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าไปได้มาก เนื่องจากยังขาดปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจน ทำให้โซนแนวรับอาจยังอยู่ในช่วง 35.50 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 35.30 บาทต่อดอลลาร์)

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) อีกครั้ง หลังผู้เล่นในตลาดมองว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อได้ ทำให้เฟดยังสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ (แม้ว่าจังหวะในการลดดอกเบี้ยยังมีความไม่แน่นอน) ทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเข้าซื้อหุ้นเทคฯ ใหญ่ ที่ปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้า อาทิ Nvidia +7.2%, Meta +3.3% ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq รีบาวด์ขึ้นแรงกว่า +1.54% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.12% 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นแรงกว่า +1.00% หนุนโดยแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร หุ้นกลุ่มยานยนต์และหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม อาทิ HSBC +2.9%, BMW +2.7%, LVMH +1.0% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากทั้งความหวังการทยอยลดดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลัก และความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มยานยนต์และกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม

ในฝั่งตลาดบอนด์ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้น ใกล้ระดับ 4.20% อีกครั้ง สอดคล้องกับคำเตือนของเราว่า “ควรระวังความผันผวนของบอนด์ยีลด์ ที่อาจพลิกกลับมาปรับตัวสูงขึ้นได้ หากอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ไม่ได้ชะลอตัวลงตามที่ตลาดคาดหวัง” ซึ่งเราก็ยังคงคำเตือนดังกล่าวไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ได้ส่งสัญญาณชะลอตัวที่ชัดเจน จนทำให้เฟดต้องรีบลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี Risk-Reward ของการเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวก็ยังคุ้มค่าอยู่ ทำให้เราคงมองว่า นักลงทุนสามารถทยอยเพิ่มสถานะการลงทุนได้ หรือนักลงทุนอาจรอจังหวะ Buy on Dip ก็ได้เช่นกัน (อาจเน้นทยอยเข้าซื้อในโซน บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เหนือระดับ 4.20%)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็วและแรง จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อย ทว่าผู้เล่นในตลาดยังคงทยอย Sell on Rally เงินดอลลาร์ ท่ามกลางบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังเชื่อมั่นว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 102.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 102.7-103.2 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทำให้ผู้เล่นในตลาดเร่งเทขายทองคำออกมา กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ปรับตัวลงแรงสู่โซน 2,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งผู้เล่นบางส่วนอาจทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะปรับฐาน และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในย่อตัว ก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง

สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าลุ้นอาจมีไม่มากนัก ทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดการเงินอาจทรงตัว ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากส่วนหนึ่งผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI 

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของ ECB

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.