คาดราคาทองสัปดาห์นี้ถึง 2,100 ส่วนทองไทยเหนือ 35,000 หลังทำนิวไฮใหม่
ฮั่วเซ่งเฮงวิเคราะห์ราคาทองสัปดาห์นี้มีแนวรับอยู่ที่ 2,060 ดอลลาร์ และ 2,050 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,088 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,100 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 35,000 บาท และ 34,800 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 35,400 บาท และ 35,500 บาท
โดยราคาทองคำดีดตัวขึ้นแรง Breakout เส้น Trend Line กรอบสี่เหลี่ยมด้านบนขึ้นมาได้ ขณะที่สัญญาณจากเครื่องมือทางเทคนิค MACD>Signal line และ MACD>0 ยังบ่งชี้ทิศทางการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ โดยราคาทองคำมีแนวต้าน 2,088 ดอลลาร์ และ 2,100 ดอลลาร์ สัปดาห์นี้ติดตามการแถลงการณ์นโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรส ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด การเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด 12 เขต (Beige Book) และสหรัฐเปิดเผยตัวเลขตลาดแรงงาน ได้แก่ การจ้างงานสหรัฐ อัตราว่างงาน
สำหรับปัจจัยบวกที่ต้องจับตาได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยลบ มีทั้งความต้องการทองคำจากจีนลดลง จากเศรษฐกิจจีนที่คาดเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงในปีนี้ และเฟดอาจจะตรึงดอกเบี้ยระดับสูงนานขึ้น
ทองไทยแตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำพุ่งต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยเฉพาะวันศุกร์ราคาทองคำปรับขึ้นแรงกว่า 38 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน แต่ราคาทองคำแท่งภายในประเทศพุ่งสูงขึ้นในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 35,200 บาท โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่ากว่า 4.49% นับตั้งแต่ต้นปี จึงทำให้หนุนราคาทองคำแท่งในประเทศให้ยังทรงตัวในระดับสูง ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อราคาทองแท่งในประเทศที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในคืนวันศุกร์หลังจากที่สหรัฐได้มีการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.โดย ISM ต่ำกว่าคาด และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ของม.มิชิแกน ต่ำกว่าคาดเช่นกัน ส่งผลให้ราคาทองคำ spot พุ่งขึ้นแรงอย่างมาก จึงยิ่งดันให้ราคาทองคำแท่งในประเทศทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All-Time high) ที่ 35,200 บาท จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ spot
ทั้งนี้ ราคาทองแท่งไทยในปีนี้ได้ปรับตัวขึ้นจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All-Time high) เป็นจำนวน 5 ครั้งแล้ว โดยครั้งแรกของปี ราคาทองคำแท่งปรับตัวขึ้นจุดสูงสุดใหม่ที่ 34,550 บาท ในวันที่ 9 ก.พ.2567 โดยขณะนั้นราคาทองคำ spot ปิดตลาดของวันอยู่ที่ระดับ 2,023 ดอลลาร์ ต่อมาราคาทองคำแท่งได้ปรับตัวขึ้นจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งตามลำดับที่ 34,600 บาทในวันที่ 26 ก.พ.2567 และ 34,650 บาทในวันที่ 29 ก.พ.2567 จนในที่สุดในวันที่ 1 มี.ค.2567 ราคาทองคำแท่งที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ เผยระดับสูงสุดใหม่ที่ 34,800 บาทของวัน แต่ในช่วงกลางคืนราคาทองคำ spot ดีดตัวขึ้นเป็นอย่างมาก ทำให้ราคาทองคำที่ประกาศจากสมาคมค้าทองคำออกมาในวันเสาร์ที่ 2 มี.ค.2567 ที่ขายออก 35,200 บาท ซึ่งนับว่าเป็นระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
ทั้งนี้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยในไม่ช้า หลังจากที่นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเฟ้อสหรัฐ โดยตลาดมองว่าเฟดน่าจะปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้ง ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเฟด ทั้งนี้ตลาดคาดว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรก 0.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย. และจะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งอย่างละ 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และพ.ย. รวมลดดอกเบี้ยกว่า 0.75% ในปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยมาสู่ระดับ 4.50%-4.75% ในสิ้นปีนี้
ผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 4 – 8 มี.ค. 67 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ
14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 7 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 3 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 4 ราย หรือเทียบเป็น 29% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 348 ราย ในจำนวนนี้มี 204 ราย หรือเทียบเป็น 59% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 99 ราย หรือเทียบเป็น 28% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 45 ราย หรือเทียบเป็น 13% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ราคาทองคำ
ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 34,500 – 35,200 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 35,200 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 650 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 34,550 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1. นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ มีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 6 มีนาคม 2567 และจากนั้นจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 7 มีนาคม 2567
2. สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง คาดว่าอิสราเอลและกลุ่มฮามาสอาจบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในวันที่ 4 มีนาคม 2567 โดยอิสราเอล มีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงที่จะไม่ใช้ปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาในช่วงประเพณีถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 10 มีนาคม 2567
3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้าย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง และอัตราการว่างงานเดือน กุมภาพันธ์ 2567
.
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.