เงินบาทวันนี้35.40-35.75หลังเผยผลประชุมกนง.เปิดเช้าที่35.52บาท/ดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยทิศทางค่าเงินบาทวันนี้ว่าอยู่ที่ อยู่ที่ระดับ 35.50-35.65 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุม กนง. และประเมินกรอบเงินบาทในช่วง 35.40-35.75 บาทต่อดอลลาร์ หลังทยอยรับรู้ผลการประชุม กนง.

สำหรับค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  35.52 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  35.67 บาทต่อดอลลาร์

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 35.51-35.69 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการทยอยย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดล่าสุด ยังคงทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังการทยอยลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนพฤษภาคมและเฟดอาจลดดอกเบี้ยราว 5 ครั้ง ในปีนี้

นอกจากนี้ การย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้ส่งผลให้ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นราว +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากโซนแนวรับระยะสั้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท Krungthai GLOBAL MARKETS ประเมินว่า ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุม กนง. ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ใกล้โซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากที่เงินบาทได้ทยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงคืนก่อนหน้า ทว่า เงินบาทก็อาจพอแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากบรรยากาศในตลาดการเงินเอเชีย ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ซึ่งต้องจับตาว่า ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกง จะยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หรือ ไม่ โดยภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินจีนก็จะช่วยหนุนให้เงินหยวนจีน (CNY) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ส่งผลดีต่อสกุลเงินฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะค่าเงินที่เศรษฐกิจมีความเชื่อมโยงกับจีนสูง อย่าง ค่าเงินบาท 

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม กนง. (ในช่วง 14.00 น. เป็นต้นไป) โดยเราประเมินว่า ค่าเงินบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าเร็วและแรง หาก กนง. มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ย (มีคณะกรรมการบางท่าน เห็นควรให้ลดดอกเบี้ย -25bps) หรือ กนง. มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจน พร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งอาจต้องเห็นการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยให้แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่นกัน

โดยเบื้องต้น ประเมินว่า ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 35.70-35.75 บาทต่อดอลลาร์ และหากผู้เล่นในตลาดประเมินว่า การทยอยลดดอกเบี้ยของ กนง. หากเกิดขึ้น จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ก็อาจเห็นการกลับเข้าซื้อหุ้นไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท หรือ อาจหนุนให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าแถวโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ หรือทดสอบแนวรับถัดไป 35.30 บาทต่อดอลลาร์ได้เช่นกัน

รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในช่วงนี้ที่ยังคงสดใส และความคาดหวังการทยอยลดดอกเบี้ยของเฟดราว 5 ครั้งในปีนี้ ได้ช่วยหนุนให้บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อได้ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะมีการขายทำกำไรหุ้นกลุ่ม Semiconductor เช่น AMD -3.6%, Nvidia -1.6% ที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงในปีนี้บ้างก็ตาม ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาดรีบาวด์ขึ้น +0.23%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.63% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาสดใส โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน เช่น BP +5.5% ขณะเดียวกัน ความหวังต่อการฟื้นตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจจีน จากการทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน และการเข้าพยุงตลาดหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง ก็ช่วยหนุนให้บรรดาหุ้นยุโรปที่เกี่ยวข้องกับธีมการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ต่างปรับตัวขึ้น เช่น หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และยานยนต์ Rio Tinto +0.8%, Ferrari +1.5%

ในฝั่งตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคาดหวังว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยราว -125bps ในปีนี้ รวมถึงความกังวลของผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่อปัญหาธนาคารภูมิภาคสหรัฐฯ (US Regional Banks) ได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 4.11% ทั้งนี้ เราคงมองเหมือนเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยหลายครั้งของเฟด ดังนั้น เราจึงขอเน้นย้ำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip เพื่อลดความเสี่ยงการขาดทุนเมื่อมองภาพผลตอบแทนโดยรวม หรือ Total Return ซึ่งหากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สามารถปรับตัวขึ้น ทะลุระดับ 4.20% ไปได้ ก็จะมีความน่าสนใจในการทยอยเข้าซื้อเป็นอย่างมาก 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับบรรดาสกุลเงินหลัก ตามการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังการทยอยลดดอกเบี้ยของเฟดราว 5 ครั้งในปีนี้ ซึ่งถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดล่าสุด ก็ไม่ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดมีการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวลงสู่ระดับ 104.1 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.1-104.6 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สู่โซน 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเลือกที่จะทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์จากโซนแนวรับของราคาทองคำออกมาบ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
 
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งเรามองว่า กนง. อาจมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ทว่าควรจับตาการปรับเปลี่ยนมุมมองของ กนง. ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น และการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ (ถ้ามี)

นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึง ผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ในช่วงนี้ได้

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.