ADVANC เปิดแผนปี 67 ยกระดับบริการ เป้ารายได้โต 13-15% งบลงทุน 2.5-2.6 หมื่นลบ.

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า แนวโน้มและกลยุทธ์ในปี 2567 บริษัทคาดการณ์รายได้การให้บริการหลักเติบโต 13-15% จากการรับรู้รายได้จากการซื้อกิจการ บริษัท ทริปเปิลทรี บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB ผู้ให้บริการ 3BB ร่วมกับการรักษาแนวโน้มการเติบโตของการดำเนินงานปกติ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้และภาวะการแข่งขันที่ทรงตัว

โดยบริษัทมุ่งเน้นสร้างการเติบโตด้วยการนำเสนอบริการแบบหลอมรวม (convergence) ระหว่างบริการหลักด้านต่างๆ เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้บริการได้รับคุณค่ามากขึ้นจากการใช้งานหลากหลายผลิตภัณฑ์ (multi-product proposition) ควบคู่กับพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ตั้งเป้าหมายกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เติบโตประมาณ 14-16% จากการมุ่งเน้นที่ความสามารถในการทำกำไร และวางงบลงทุนไว้ที่ 25,000-26,000 ล้านบาท เพื่อรักษาคุณภาพภายใต้ความเหมาะสม โดยคาดการณ์สัดส่วนงบลงทุนสำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 60% ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน 28% ส่วนที่เหลือสำหรับธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรและอื่นๆ

“ในปีนี้เรายังคงเดินหน้ายกระดับการให้บริการในทุกกลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายโครงข่ายสื่อสารและโครงข่ายเน็ตบ้านให้มีความครอบคลุมทุกพื้นที่การใช้งานของคนไทย ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืนของประเทศในทุกมิติ” นายสมชัย กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 29,086 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน และมี EBITDA อยู่ที่ 93,371 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากปีก่อน เป็นผลจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งทุกธุรกิจ ร่วมกับการพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน ด้วยระบบโครงข่ายอัตโนมัติ (Autonomous Network) และระบบไอทีอัจฉริยะที่ยกระดับประสบการณ์การใช้งาน

ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 188,873 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% จากปีก่อน เนื่องจากได้รับประโยชน์จากการเริ่มรับรู้รายได้ TTTBB เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน โดยรายได้จากการให้บริการหลัก ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่ายและรายได้จากการเป็นพันธมิตรกับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT อยู่ที่ 138,569 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากปีก่อน จากการรวมผลการดำเนินงานของ TTTBB การเพิ่มขึ้นของรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และการเติบโตรายได้การให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านและบริการลูกค้าองค์กร

ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้อยู่ที่ 118,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% โดยมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่รวม 44.6 ล้านเลขหมาย โดยยังคงมุ่งเน้นการส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าบนศักยภาพของโครงข่าย 5G ซึ่งปัจจุบันมีความครอบคลุมพื้นที่การให้บริการใกล้เคียง 90% ของพื้นที่ประชากร โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการรวมแล้วกว่า 9.2 ล้านเลขหมาย  

ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีรายได้อยู่ที่ 13,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% โดยพร้อมให้บริการแล้วทั้ง AIS FIBRE3 และ 3BB FIBRE3 ด้วยความครอบคลุมและเข้าถึงได้มากกว่า 13.3 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ รวมถึงนวัตกรรมเน็ตบ้านและโซลูชันที่จะตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกบ้าน ทุกร้าน ทุกธุรกิจ และการส่งมอบประสบการณ์ความสุขและมาตรฐานการให้บริการที่รู้ใจ ทำให้ปัจจุบัน AIS 3BB FIBRE3 มีฐานลูกค้ากว่า 4.7 ล้านครัวเรือน

ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร สามารถตอบโจทย์ภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านบริการโครงข่าย ดิจิทัลโซลูชัน คลาวด์ และ บริการดาต้าเซ็นเตอร์ ที่พร้อมเชื่อมต่อในทุกการทำงาน สำหรับลูกค้าองค์กร โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหลักของประเทศอย่าง กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ธุรกิจผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศที่มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ

ธุรกิจบริการดิจิทัล ยังคงร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีความแข็งแกร่งตามแนวคิด Ecosystem Economy เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับพาร์ทเนอร์ด้านคอนเทนต์ความบันเทิงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Netflix HBO และล่าสุดกับ Prime รวมถึงบริการดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างรอบด้าน อาทิ บริการประกันดิจิทัลจาก AIS Insurance Service หรือแม้แต่ เกมแพลตฟอร์มอย่าง Game On ศูนย์รวมบริการเกมที่ครบทุกความต้องการของกลุ่มเกมเมอร์

ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,003 ล้านบาท ลดลง 4.9% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากผลการดำเนินที่ขาดทุนของ TTTBB การตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินจากการควบรวมกิจการ และลดลง 14% จากไตรมาสก่อน จากการรับรู้กำไรพิเศษครั้งเดียวจากการจำหน่ายเงินลงทุนในแรบบิทไลน์เพย์ (RLP) เมื่อไตรมาส 3/2566 การตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์ในไตรมาส 4/2566 และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น แม้จะถูกชดเชยโดยกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วน EBITDA อยู่ที่ 23,945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.4% จากไตรมาสก่อน

สำหรับรายได้รวมในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 51,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน โดยรายได้จากการให้บริการหลัก อยู่ที่ 37,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8.7% จากไตรมาสก่อน จากปัจจัยตามฤดูกาลในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน รวมทั้งการรับรู้รายได้ของ TTTBB เป็นเวลา 46 วัน

“แม้ในปี 2566 จะเป็นอีกปีที่เราต้องเผชิญกับความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไม่เป็นไปตามเป้า เรายังคงเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายคุณภาพ ทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ และ บรอดแบนด์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่คนไทย รวมถึงภาคอุตสาหกรรม ที่จะสะท้อนไปถึงเศรษฐกิจดิจิทัลในภาพรวม ตลอดจนการสร้าง ECOSYSTEM ECONOMY ร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำจากหลายภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตแบบร่วมกันอย่างยั่งยืน อันจะส่งมอบประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยในท้ายที่สุด” นายสมชัย กล่าว

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2567 มีมติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.2566 ในอัตรา 4.61 บาท/หุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 19 ก.พ.2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 เม.ย.2567 เมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2566 ในอัตรา 4.00 บาท/หุ้น ทำให้ทั้งปี 2566 จ่ายเงินปันผลในอัตรา 8.61 บาท/หุ้น

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.