BGRIM กางโรดแมพกลุ่มธุรกิจ"พลังงาน-อุตสาหกรรม-ยา"ปั้นรายได้แสนล้าน
นายนพเดช กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานการลงทุน นวัตกรรม และความยั่งยืนและสายงานธุรกิจในประเทศไทยและมาเลเซีย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานปี 2567 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตในแต่ละธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีธุรกิจหลัก 6 กลุ่ม คือ 1. ธุรกิจด้านพลังงาน 2. ธุรกิจอุตสาหกรรม 3. ธุรกิจสุขภาพ 4. ธุรกิจเทคโนโลยีดิจิตอล 5. ธุรกิจไลฟ์สไตล์ เป็นตัวแทนสินค้าแฟชั่นหลายกลุ่ม และ 6. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
โดยมุ่งเน้น 3 ธุรกิจหลัก คือ "บี.กริม เพาเวอร์" เน้นเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ระยะยาว “GreenLeap – Global and Green” เป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้มากกว่า 50% ในปี 2573 และตั้งเป้าขยายการลงทุนสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนา ในปี 2573
และวางเป้าหมายองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon Emissions ภายในพ.ศ.2593 หรือ คศ. 2050 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาโครงการในประเทศไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อิตาลี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีกำลังการผลิตติดตั้ง และได้เปิดดำเนินการ (COD) แล้วรวม 3,970 เมกะวัตต์
เมื่อรวมโครงการซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีก 12 โครงการ จะมีกำลังการผลิตรวมเป็น 4,623 เมกะวัตต์ โดยความสำเร็จมาจากจุดแข็งในการเป็นผู้นำกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม และพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนการยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจระดับโลก
"ปี 2566 บริษัทขยายโครงการในต่างประเทศจำนวนมาก โดยมีไฮไลท์คือประเทศเกาหลีใต้ ด้วยการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวม 122.49 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมกว่า 1,000 เมะวัตต์ ส่งผลให้ บี.กริม เพาเวอร์ เป็น 1 ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สเปน สหรัฐอเมริกา และไทย ที่ได้รับเชิญจากรัฐบาลเกาหลีใต้ เข้าร่วมงาน Investment Korea 2023 พร้อมได้รับรางวัลจากรัฐบาลเกาหลีใต้อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนภายใต้ BGRIM ยังได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับรัฐบาลไทยจำนวน 15 โครงการ รวมกำลังการผลิต 339.3 เมกะวัตต์ ปัจจุบันได้เตรียมพร้อมเข้าร่วมโครงการพลังงานหมุนเวียนในรอบถัดไป"
ธุรกิจเรือธง
"บี.กริม อุตสาหกรรม" หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ BGRIM ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยผลการดำเนินงานในปี 2566 มีรายได้เติบโตขึ้น 14% สวนกระแสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงภาพรวมอุตสาหกรรมอื่นซึ่งเติบโตน้อยกว่า สำหรับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้แก่ ระบบปรับอากาศแคเรียร์ ที่ขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจระบบปรับอากาศในประเทศไทย จากการเดินหน้าสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง และการสนับสนุนจากพันธมิตรตัวแทนจำหน่าย
รวมถึงการเปิดตัวนวัตกรรมและบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยที่สามารถเชื่อมต่อระบบ IoT ระบบปรับอากาศแบบ VRF สำหรับอาคาร หรือระบบบริการหลังการขายที่สามารถแจ้งการทำงานผิดปกติโดยอัตโนมัติ เป็นต้น
อีกทั้งขยายธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากกระแสความนิยมของผู้บริโภคที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ชูจุดเด่นเรื่องการบริการแบบครบวงจรและรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย พร้อมทางเลือกในการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ โดยในปี 66 ได้ติดตั้งประมาณ 70 หัวชาร์จให้แก่หลากหลายผู้ประกอบการ ปีนี้เน้นขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องภายใต้แพลตฟอร์มของ BGRIM
ขณะเดียวกันขยายธุรกิจติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แบบ EPC ซึ่งเป็นการให้บริการติดตั้งแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Turn-Key ตั้งแต่การออกแบบ ติดตั้ง ขออนุญาต จนจบกระบวนการ และมีการพัฒนาโซลูชันเพื่อสุขภาพที่ดีแก่ผู้ใช้อาคาร หรือ Healthy Living Solution ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีระบบไฟ UV-C ยับยั้งเชื้อโรคในระบบปรับอากาศ ซึ่งมีการติดตั้งในห้างสรรพสินค้าเครือเซ็นทรัลแล้วกว่า 6 แห่ง และมีแผนขยายไปยังสถานที่ต่างๆ ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในระยะยาวถึง 3 เท่าภายในปี 2573 ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องให้บริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืน
และ "บี.กริม ฟาร์มา" อีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจเรือธงที่บริษัทให้ความสำคัญมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2421 ย้อนกลับไป 145 ปี กับร้านปรุงยาตำรับตะวันตกแห่งแรกของประเทศไทย ในชื่อ “สยามดิสเป็นซารี่” และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นร้านยาหลวงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จุดเริ่มต้นของปรัชญาแห่งการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารีของ บี.กริม ที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อส่วนรวมและสังคม
อีกทั้งสถานการณ์ด้านสาธารณสุขของประเทศที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงการรักษา BGRIM กลับมาสานต่อธุรกิจฐานรากดังกล่าวภายใต้ “บี.กริม ฟาร์มา” ซึ่งยังคงมุ่งเน้นเจตนารมณ์เดิมที่ชัดเจน นั่นคือการมุ่งสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับผู้คน ส่งเสริมการเข้าถึงยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ป่วย เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดีขึ้น
ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ได้แก่ ยา และ เวชภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด 2. กลุ่มยารักษาโรคระบบประสาทและจิตเวช 3. กลุ่มยารักษาโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ 4. กลุ่มยารักษาโรคระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เวชสำอาง และเครื่องมือแพทย์
"รายได้ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10-15% ดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจาก บี.กริมพาวเวอร์ ราว 70% , บี.กริม ฟาร์มา 25% และอีก 5% มาจาก บี.กริม อุตสาหกรรม ในอนาคตคาดหวังว่าจะมีการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง"
ดีลพลังงาน-LNG อเมริกา
อย่างไรก็ดี บริษัทสนใจลงทุนพลังงานในสหรัฐอเมริกา ล่าสุดส่งทีมเข้าไปศึกษาพลังงานทดแทนแบบไฮบริดที่มีทั้งโซลาร์เซลกับไฮโดรเจนที่มีค่อนข้างมากในอเมริกา เพียงแต่พลังงานที่บริษัทสนใจอาจจะมีกิจการขนาดไม่ใหญ่มากแต่สามารถเติบโตในอนาคตได้
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเจรจานำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)กับพันธมิตรในอเมริกาและแอฟริกา เบื้องต้นอยู่ระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับสูตรการคำนวณกับราคา LNG พร้อมสัญญาการซื้อขายระยะยาวซึ่งจะช่วยเรื่องต้นทุนที่น่าจะดีกว่าเมื่อเทียบกับสัญญาระยะสั้น โดยคาดหวังว่าการเจรจาจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทได้ใบอนุญาตนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)ราว 1.2 ล้านตันต่อปี ซึ่งรอความชัดเจนจากทาง ปตท.ในการกำหนดแนวทางปฏิบัติของผู้ที่นำเข้า LNG หากมีความชัดเจนคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกน่าจะได้ข้อสรุป จากนั้นบริษัทจะสามารถนำเข้า LNG ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ราว 200,000-350,000 ตัน
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.