เช็คสุขภาพหุ้นกู้! TOP 5 อุตสาหกรรมระดมทุนมากสุดปี 66-ครบกำหนดสูงสุดปี 67
หุ้นกู้กลับมาเป็นที่จับตามองกันอีกครั้ง โดยล่าสุด บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD กำหนดจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 17 ม.ค.2567 เพื่อขอขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ จำนวน 5 รุ่น มูลค่าคงค้างรวม 14,455 ล้านบาท ออกไปอีก 2 ปี เสนอเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้อีก 0.25% ต่อปี ในปีแรก และเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้อีก 0.50% ต่อปี ในปีที่ 2 รวมทั้งขอผ่อนผันการดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ตามที่กำหนดในข้อกำหนดสิทธิ
หลังจากในปี 2566 ได้มีการผิดนัดชำระหุ้นกู้ของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK จำนวน 5 รุ่น มูลค่าคงค้างรวม 9,198.40 ล้านบาท และหุ้นกู้ของ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN จำนวน 7 รุ่น มูลค่าคงค้างรวม 3,192.65 ล้านบาท
ทั้งนี้ “โพสต์ทูเดย์” ได้รวบรวมข้อมูลจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) พบว่า มูลค่าการออกหุ้นกู้ระยะยาวในปี 2566 อยู่ที่ 1,018,690 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ Investment grade มูลค่า 926,713 ล้านบาท หรือคิดเป็น 91% และหุ้นกู้ High Yield หรือกลุ่มที่มีเรตติ้งต่ำกว่า BBB- ลงไปถึงไม่มีเรตติ้ง มูลค่า 91,977 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9%
เมื่อแยกตามกลุ่มอันดับเครดิต พบว่า เรตติ้ง AAA มีมูลค่า 97,160 ล้านบาท, เรตติ้ง AA มีมูลค่า 126,481 ล้านบาท, เรตติ้ง A มีมูลค่า 525,695 ล้านบาท, เรตติ้ง BBB มูลค่า 177,468 ล้านบาท, เรตติ้งต่ำกว่า BBB- มีมูลค่า 44,040 ล้านบาท และไม่มีเรตติ้ง มีมูลค่า 47,936 ล้านบาท
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการออกหุ้นกู้สูงสุด 5 อันดับแรก ในปี 2566 ได้แก่
- อันดับ 1 กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ มูลค่า 208,511 ล้านบาท
- อันดับ 2 กลุ่มพลังงาน มูลค่า 161,533 ล้านบาท
- อันดับ 3 กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 150,909 ล้านบาท
- อันดับ 4 กลุ่มธนาคาร มูล่าค่า 114,523 ล้านบาท
- อันดับ 5 กลุ่มพาณิชย์ มูล่าค่า 88,692 ล้านบาท
ขณะที่มูลค่าคงค้างหุ้นกู้ระยะยาว ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 4.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ Investment grade สัดส่วน 92% และหุ้นกู้ High Yield สัดส่วน 8%
เมื่อแยกตามกลุ่มอันดับเครดิต พบว่า เรตติ้ง AAA มีมูลค่า 400,075 ล้านบาท, เรตติ้ง AA มีมูลค่า 724,816 ล้านบาท, เรตติ้ง A มีมูลค่า 2,578,657 ล้านบาท, เรตติ้ง BBB มูลค่า 464,729 ล้านบาท, เรตติ้ง BB มีมูลค่า 166,625 ล้านบาท, เรตติ้ง B มีมูลค่า 10,444 ล้านบาท และไม่มีเรตติ้ง มีมูลค่า 182,819 ล้านบาท
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าคงค้างสูงสุด 5 อันดับแรก ณ สิ้นปี 2566 ได้แก่
- อันดับ 1 กลุ่มพลังงาน มูลค่า 893,000 ล้านบาท
- อันดับ 2 กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ มูลค่า 520,000 ล้านบาท
- อันดับ 3 กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 495,000 ล้านบาท
- อันดับ 4 กลุ่มพาณิชย์ มูล่าค่า 438,000 ล้านบาท
- อันดับ 5 กลุ่มไอซีที มูล่าค่า 372,000 ล้านบาท
ส่วนหุ้นกู้ระยะยาวที่ครบกำหนดในปี 2567 อยู่ที่ 890,908 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ Investment grade มูลค่า 791,332 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% และหุ้นกู้ High Yield มูลค่า 99,586 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10%
เมื่อแยกตามกลุ่มอันดับเครดิต พบว่า เรตติ้ง AAA มีมูลค่า 96,180 ล้านบาท, เรตติ้ง AA มีมูลค่า 106,990 ล้านบาท, เรตติ้ง A มีมูลค่า 485,060 ล้านบาท, เรตติ้ง BBB มูลค่า 103,090 ล้านบาท, เรตติ้ง BB มีมูลค่า 46,468 ล้านบาท, เรตติ้ง B มีมูลค่า 1,730 ล้านบาท และไม่มีเรตติ้ง มีมูลค่า 51,387 ล้านบาท
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ครบกำหนดสูงสุด 5 อันดับแรก ในปี 2567 ได้แก่
- อันดับ 1 กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 157,449 ล้านบาท
- อันดับ 2 กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ มูลค่า 152,730 ล้านบาท
- อันดับ 3 กลุ่มพลังงาน มูลค่า 127,395 ล้านบาท
- อันดับ 4 กลุ่มพาณิชย์ มูล่าค่า 83,216 ล้านบาท
- อันดับ 5 กลุ่มไอซีที มูล่าค่า 78,130 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะหุ้นกู้ High Yield ที่ครบกำหนดในปี 2567 มูลค่า 99,586 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมที่ครบกำหนดสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- อันดับ 1 กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
- อันดับ 2 กลุ่มพลังงาน
- อันดับ 3 กลุ่มพาณิชย์
- อันดับ 4 กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์
- อันดับ 5 กลุ่มการท่องเที่ยว
“อริยา ติรณะประกิจ” รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ระบุว่า หุ้นกู้ 90% ที่ครบกำหนดในปี2567 ไม่น่ามีปัญหา เพราะว่าเป็นหุ้นกู้ Investment Grade ส่วนหุ้นกู้ที่ต่ำกว่า Investment Grade ไม่สามารถรับประกันได้ว่าตัวไหนจะมีปัญหาหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นรายบริษัทไป
อย่างไรก็ตาม หุ้นกู้ High Yield สัดส่วน 10% ที่ครบกำหนดปี 2567 ไม่ได้น่าเป็นห่วงทั้งหมด โดยหุ้นกู้ High Yield หลายบริษัทก็มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด มูลค่ารวม 8,447 ล้านบาท แบ่งเป็น
- ในไตรมาส 1/2566 จำนวน 5 บริษัท มูลค่ารวม 2,985 ล้านบาท
- ในไตรมาส 2/2566 จำนวน 3 บริษัท มูลค่ารวม 1,039 ล้านบาท
- ในไตรมาส 3/2566 จำนวน 7 บริษัท มูลค่ารวม 3,192 ล้านบาท
- ในไตรมาส 4/2566 จำนวน 6 บริษัท มูลค่ารวม 954 ล้านบาท
- ในไตรมาส 1/2567 จำนวน 2 บริษัท มูลค่ารวม 277 ล้านบาท
ขณะที่หุ้นกู้ STARK ที่ได้อันดับเครดิตองค์กร BBB+ ก็ยังมีการผิดนัดชำระ ดังนั้นย้ำว่าต้องดูเป็นรายกรณีไป ส่วนอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงผิดนัดชำระที่ต้องจับตามองในปีนี้ คนพุ่งเป้าไปที่กลุ่มอสังหาฯ เพราะมีการออกหุ้นกู้จำนวนมาก และอายุหุ้นกู้ไม่ยาวมากประมาณ 2-3 ปี แต่จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาหุ้นกู้ผิดนัดชำระมีหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ JKN และ STARK ก็ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมอสังหาฯ ดังนั้นไม่อยากให้เล็งไปที่อุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง และไม่สามารถตอบได้ว่าอุตสาหกรรมใดน่าห่วงที่สุด
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.