สรรพสามิต จ่อถกคลังหาความชัดเจนมาตรการลดภาษีน้ำมัน ห่วงเก็บรายได้วืดเป้า
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า เตรียมหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาแนวนโยบายการปรับอัตราภาษีน้ำมัน ทั้งในส่วนของภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและเบนซินว่า ต้องการให้มีทิศทางต่อไปอย่างไร ภายหลังจากที่มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 2.50 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2566 และใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าช่วยอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศให้อยู่ที่ 30 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.– 31 มี.ค.2567
อย่างไรก็ดี ในส่วนของการจัดเก็บรายได้ปี 2567 กรมสรรพสามิตตั้งเป้าหมายไว้ที่ 5.9 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่จัดเก็บได้จริงในปีงบประมาณ 2566 ที่ 4.77 ล้านบาท หรือสูงกว่า 20% และสูงกว่าประมาณการในปี 2566 ที่ 5.67 แสนล้านบาท ซึ่งหากไม่มีการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มเติม ก็มั่นใจว่าจะสามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากในปี 2566 หากไม่มีการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ยอดจัดเก็บรวมที่ทำได้จริงจะอยู่ที่ราว 5.7 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้
“ขณะนี้ยังไม่มีข้อเสนอให้กรมปรับลดภาษีน้ำมันเบนซิน หรือ ดีเซล เข้าใจว่าจะใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ดูแลเรื่องราคาไปก่อน ซึ่งเรื่องนี้ต้องหารือแนวนโยบายกับรัฐมนตรีคลังให้ชัดเจนอีกครั้ง โดยยอมรับว่าเป้าหมายการจัดเก็บของกรมในปี 2567 ค่อนข้างท้าทาย เพิ่มขึ้นกว่า 20% หากมีการลดภาษีน้ำมัน ก็จะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้เหมือนช่วงที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2566 ได้เห็นชอบให้ปรับลดราคาน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ทั้ง 91 และ 95 ในอัตราเท่ากันที่ 1 บาทต่อลิตร ตั้งแต่ 7 พ.ย.2566 เป็นเวลา 3 เดือน ทำให้กรมสูญเสียรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 2.50 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.– 31 ธ.ค.2566 ประมาณ 15,000 ล้านบาท
นายเอกนิติ กล่าวว่า ในส่วนของภาษีสรรพสามิตบุหรี่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะต้องมีการปรับโครงสร้างใหม่ จากปัจจุบันที่มีการเก็บภาษี 2 อัตรา ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะมีผู้ได้รับประโยชน์และผลกระทบจำนวนมาก ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ก็จะรับฟังความเห็นให้รอบด้านที่สุด ทั้งข้อเสนอจากการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เอกชนผู้นำเข้า ว่าโครงสร้างอัตราภาษีใหม่ควรจะเป็นเช่นไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ ณ วันที่ 24 ธ.ค. 2566 ติดลบ 78,594 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 32,476 ล้านบาท ส่วนก๊าซ LPG ติดลบ 46,118 ล้านบาท
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.