ออมสินเดินหน้า Net Zero วางเป้า 8 ปี ลดคาร์บอน 64%

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน กล่าวในงานสัมมนาภายใต้หัวข้อ “GREEN ECONOMY LANDBRIDGE โอกาสทอง?” ซึ่งจัดโดย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า 3 ปีที่ผ่านมาธนาคารออมสินวางได้วาง position ธนาคารเป็นธนาคารเพื่อสังคม (Bank Social) ตามแนวทางธุรกิจสู่ความยั่งยืน(sustainability) ซึ่งประเทศไทยพบว่า มีปัญหาเชิงโครงสร้างของไทย ส่วนหนึ่งคือเรื่องของความความยากจน และความเลื่อมล้ำ ซึ่งธุรกิจของธนาคารออมสิน 3 ปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนทบบาทอย่างชัดเจน จากเดิมเกือบเหมือนแบงก์พาณิชย์ โดยเน้นทำงานเพื่อสังคมเป็นหลัก เพิ่มการดูแลลูกค้าจากล้านกว่าคน เป็น 1.4 ล้านคน ตอนนี้มี 3.5 ล้านคน 

 

โดยธนาคารได้แบ่งเป็น 2 คือ ด้านหนึ่งทำธุรกิจเชิงแบงก์พาณิชย์ปกติ และอีกด้านหนึ่งแบ่งกำไรจากส่วนนี้มาดูแลภาระกิจเชิงสังคม และขณะเดียวกันก็มีกำไรเพิ่มขึ้น และสนับสนุนภารกิจด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการทำธุรกิจที่มีกำไรเพิ่มขึ้นได้ด้วย และสามารถช่วยสังคมได้ด้วย  

ซึ่ง สอดคล้องกับแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วม Creating Shared Value(CSV)เปลี่ยน CSR เป็น CSV ทำให้กำไรสูง รายได้สูงขึ้น และเกิดความยั่งยืน เป็นการนำปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้นมาใส่ในโอกาสทางธุรกิจ ทำให้ขยายธุรกิจได้ ช่วยคนได้ กำไรสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดความยั่งยืน แต่ก็ยอมรับว่า ดูเหมือนง่ายแต่ทำไม่ง่าย ดูเหมือนเล็กแต่เป็นเรื่องใหญ่ แต่เราสามารถเริ่มจากจุดเล็กๆได้ 

 

ยกตัวอย่าง เช่น สมัยก่อนเดิมมีเพียง ธุรกิจธนาคาร จะมีธนาคารรัฐ ธนาคารพาณิชย์ และสหกรณ์ ซึ่งปัจจุบันธุรกิจสมัยใหม่ มีทั้งธุรกิจ พิโกไฟแนนซ์ นาโนไฟแนนซ์และลีสซิ่ง ทั้งหมดกินส่วนแบ่งทางการตลาด เพราะจัดอยู่ในกลุ่มฐานราก เราจึงเปลี่ยนแนวทางในการช่วยคน เช่น เราทำสินเชื่อจำนำทะเบียนมอเตอร์ไซค์ ซึ่เป็นกลุ่มคนจนคนฐานราก ลดดอกเบี้ย 10% จาก 28% เหลือ 18% มีคนใช้บริการ 2 ล้านคน ที่ปล่อยสินเชื่อไป จากผู้ใช้บริการ 5 ล้านคนทั้งตลาด ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ และเราทำนอนแบงก์ที่ช่วยคนจนมากขึ้น ก็เป็นธุรกิจใหม่ที่ทำให้มีกำไร 

 

"เป็นเรื่องจริงที่เราจะสามารถการขยายธุรกิจใหม่ ด้วยการสอดรับในการช่วยสังคม สิ่งแวดล้อมทำให้เกิดธุรกิจใหม่เกิดขึ้น และสามารถลดต้นทุนได้ ทำให้เกิดความยั่งยืน ตั้งแต่ช่วงโควิดที่ผ่านมา ออมสินได้ทำทั้งหมดกว่า 63 โครงการ มีผู้เข้ามาใช้บริการ 18 ล้านคนในโครงการต่างๆ” นายวิทัย กล่าว

 

ทั้งนี้ ธนาคารออมสินถือเป็นกำลังหลักที่เข้าไปแก้หนี้ครัวเรือนให้กับคนไทย ตามนโยบายรัฐที่ต้องการให้ธนาคารออมสินเข้ามาแก้หนี้ในระบบให้กับคนไทย เช่น การให้สินเชื่อ 1 หมื่นบาทในช่วงโควิด ธนาคารออมสินสามารถ ดึงคนเข้าสู่ระบบได้ 1.1 ล้านคน ซึ่งตอนนี้คนเหล่านี้กู้ที่ไหนก็ได้ ขณะนั้นการปล่อยสินเชื่อไม่ตรวจเครดิตบูโร ไม่ตรวจสอบหลักเกณฑ์ใดๆ โดยส่วนหนึ่งช่วยดึงให้คนที่อยู่นอกระบบสามารถเข้าสู่ระบบได้ และอีกข้างหนึ่งเป็นกลุ่มที่เป็นหนี้เสีย แต่ต่ำกว่าที่ประมาณที่คาดไว้ ล่าสุด รัฐบาลได้มีการยกหนี้เสียให้กับคนกลุ่มนี้ซึ่งรัฐบาลดูแลกว่า 50% ขณะที่ธนาคารออมสินยังมีมาตรการ ไม่ฟ้อง ไม่ยึดทรัพย์ ไม่ขายทอดตลาด ไม่ฟ้องล้มละลาย


สำหรับแผน  Net Zero โดยธนาคารออมสินได้ประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ต้องจัดการอยู่ที่ 17.2 ล้านตัน ถือว่ามีจำนวนมาก ซึ่งแบ่งเป็น 3 ขอบเขต คือ การใช้น้ำมัน การใช้ไฟฟ้า และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจของเรา เช่น การปล่อยสินเชื่อ แต่ลูกค้าเราไปปล่อยคาร์บอนต่อ ส่วนใหญ่จะเป็นโรงไฟฟ้า ซึ่งออมสินวางเป้าหมายเป็น Net Zero เหมือนทุกๆหน่วยงาน คือ ในปี 2050 โดยใน 8 ปี จะต้องลดปริมาณคาร์บอนจากปัจจุบัน ล่าสุดตั้งให้ได้ 64% ลดจากปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2030 สำหรับสินเชื่อที่ธนาคารจะไม่ทำสินเชื่อแล้ว คือ  โรงไฟฟ้าถ่านหิน ธุรกิจถ่านหิน เป็นต้น 

 

นอกจากนี้ ธนาคารออมสินได้สร้าง ESG Scores ด้วยการประเมินลูกค้าด้วย ESG  -โดยน้ำหนักประมาณ 40% อยู่ที่ผลต่อสิ่งแวดล้อม หากประเมินแล้วธุรกิจออกมาได้คะแนนสูง 8-10 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ออมสินจะส่งเสริมด้วยการลดดอกเบี้ยให้ หรือไม่เก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อส่งเสริมที่เกี่ยวความยั่งยืน หรือ BCG กรีนไฟแนนซ์ซิ่ง และการออกบอนด์ที่เกี่ยวกับความยั่งยืน หรือกรีนบอนด์ เป็นต้น ซึ่งออมสินปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่วนคะแนนต่ำ 0-2 ออมสินจะส่งทีมลงไปช่วยแก้ไขและปรับปรุงกิจการ เพื่อให้คะแนนดีขึ้น เขาจะมี ESC Scores ที่สูงขึ้น ซึ่งที่่ผ่านมาเราได้ปล่อยสินเชื่อตาม ESC Scores ได้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท 

 

ส่วนบทบาทช่วยสังคมจะช่วยผู้ประกอบการอย่างไรให้ไปมุ่งสู่ธุรกิจสีเขียวนั้น ที่ผ่านมาธนาคารออมสินได้มีโปรดักส์การปล่อยสินเชื่อที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง หลายโครงการ BCG Economy ก็มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นกว่าล้าน 
 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.