NIA ผนึกกำลัง Depa หนุนสตาร์ทอัพไทย จัด VC NIGHT ผลักดันการลงทุน

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน และ Beacon Venture Capital จัดกิจกรรม NIA x depa VC NIGHT เพื่อร่วมกันพัฒนาเครือข่ายนักลงทุนให้เข้มแข็ง และส่งเสริมการลงทุนให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพไทยให้พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยพลังของนวัตกรรมต่อไป

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า “กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมโดยเฉพาะในกลุ่มสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ กระทรวง อว. มีบทบาทในการสนับสนุนการเพิ่มกำลังคนรุ่นใหม่เข้ามาในระบบนิเวศสตาร์ทอัพของประเทศไทยและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้สตาร์ทอัพเติบโต โดยดำเนินการผ่าน โครงการ Alpha Program ภายใต้ Startup Thailand League ร่วมกับหน่วยงานในภาคการศึกษาทั่วประเทศไทยกว่า 50 แห่ง เกิดการจดทะเบียนบริษัทจากทีมนักศึกษาที่เข้าร่วมกว่า 61 บริษัท คิดเป็นมูลค่าของเศรษฐกิจกว่า 100,000,000 บาท 

ในปัจจุบัน มหาวิทยาลัยหลายแห่งได้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพของนักศึกษา เช่น CU Enterprise จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, M Venturer มหาวิทยาลัยมหิดล, อ่างแก้วโฮลดิ้ง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ส่งเสริมการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงไปใช้ในการประกอบธุรกิจ และกำลังผลักดันเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการจัดงาน NIA x depa VC NIGHT ในวันนี้

โดยเจ้าภาพหลัก คือ NIA และ depa ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร คือ สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ TVCA และ Beacon Venture Capital เพื่อพัฒนาเครือข่ายนักลงทุนให้มีความเข้มแข็ง และส่งเสริมการลงทุนให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพไทย กิจกรรมนี้ทำให้ได้เห็นถึงความร่วมมือของหน่วยงานรัฐและภาคเอกชนที่มีความพร้อมในการร่วมกันขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยพลังของนวัตกรรมและผู้ประกอบการเทคโนโลยี หรือสตาร์ทอัพ

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าปัจจัยสำคัญในการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยให้แข็งแรงและสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ คือ การเห็นเป้าหมายเดียวกัน การทำงานประสานร่วมกันในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รับและส่งไม้ต่อกันอย่างสอดคล้อง ซึ่งแนวทางความร่วมมือรัฐกับเอกชนเพื่อพัฒนาตลาดในอนาคตที่ได้นำเสนอกันในวันนี้เป็นข้อเสนอสำคัญที่น่าสนใจ ซึ่งกระทรวง อว. จะนำไปผลักดันเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไป”

ขณะที่ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า “NIA มีเป้าหมายในการเป็นผู้กำหนดทิศทางและอำนวยความสะดวกทางการเงินนวัตกรรมสำหรับการพัฒนาและสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม สิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านกลไกสนับสนุนด้านการเงินรูปแบบใหม่และเชื่อมต่อกับพันธมิตรด้านการเงินนวัตกรรม การลงทุน และตลาดนวัตกรรม เพื่อการเติบโตของผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรม ซึ่งในปีนี้มีการปรับโฉมกลไกการส่งเสริมและสนับสนุนเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ในหลากหลายมิติ

โดยเฉพาะด้านการเงินสำหรับโอกาสการขยายตลาดและการลงทุน เช่น กลไกการสนับสนุนเงินทุนอุดหนุนรูปแบบใหม่ “Corporate co-funding” ร่วมกับกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) และ กิจกรรม Invest Startup Thailand ที่เน้นส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพในประเทศไทยมากขึ้น เช่น การพัฒนาความรู้เรื่องการลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Investor) การพัฒนาเครือข่ายนักลงทุน (VC และ CVC) และกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) รวมถึงการสร้างเวทีให้สตาร์ทอัพได้มีโอกาสนำเสนอแผนธุรกิจต่อนักลงทุนได้ ซึ่ง NIA หวังว่าการดำเนินงานเหล่านี้จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้สตาร์ทอัพเติบโตสู่ตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน”

นอกจากนี้ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า “ดีป้ามีนโยบายในการส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล และส่งเสริมดิจิทัลสตาร์ทอัพด้วยกลไกต่าง ๆ โดยได้วางแผนการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของดิจิทัลสตาร์ทอัพที่เน้นสร้างกลไกส่งเสริมด้านเงินทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะการร่วมลงทุน (Co-Investment) และส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาดิจิทัลสตาร์ทอัพสู่ระดับโลก นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อดึงดูดผู้มีทักษะสูงเข้ามาทำงานในประเทศไทยผ่านกลไก Global Digital Talent Visa และการสร้างตลาดให้กับดิจิทัลสตาร์ทอัพร่วมกับ BOI พัฒนามาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดถึง 100% ของเงินลงทุนและไม่จำกัดวงเงิน เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการของดิจิทัลสตาร์ทอัพที่ขึ้นทะเบียนในบัญชีบริการดิจิทัล เพื่อส่งเสริมการเติบโตของดิจิทัลสตาร์ทอัพ ให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาดิจิทัลสตาร์ทอัพและการลงทุนในภูมิภาค”

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.