ฮั่วเซ่งเฮงให้ราคาทองสัปดาห์นี้เป็นขาขึ้นแนะเร่งเก็บเดือนนี้

ฮั่วเซ่งเฮงวิเคราะห์ราคาทองสัปดาห์นี้ว่า ด้วยสัปดาห์ก่อนราคาทองคำ spot ปรับตัวขึ้นปิดตลาดเหนือ 2,002 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน โดยราคาทองคำ spot ปรับตัวขึ้นกว่า 21.48 ดอลลาร์ หรือ 1.08% และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่กราฟราคาทองคำเริ่มทำเป็นรูปแบบ Double Top ทำให้ต้องจับตาราคาทองคำ

ทั้งนี้หากราคาทองคำ spot ดีดตัวขึ้นมากกว่า High เดิมเมื่อเดือนที่แล้วที่ระดับ 2,009 ดอลลาร์ มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อไป หรือหากราคาทองคำปรับตัวลงมา แต่สามารถยืนเหนือที่ระดับ 1,940 ดอลลาร์  ถือว่ายังคงเป็นสัญญาณที่ดีของราคาทองคำ และราคาทองคำก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้

โดยสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพ.ย. เงินดอลลาร์สหรัฐยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งจะหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนยังคาดว่าเฟดจะยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากเงินเฟ้อสหรัฐที่เริ่มชะลอตัวลง ตลาดแรงงานสหรัฐที่มีความแข็งแกร่ง ขณะที่สหรัฐจะมีการเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งที่ 2) ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้

โดยตลาดคาดว่าจะขยายตัว 5.0% ที่ดีกว่าการประมาณครั้งก่อนที่ขยายตัว 4.9% ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการสนันสนุนการไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะในการประชุมเฟดครั้งสุดท้ายของปีนี้ ในวันที่ 12-13 ธันวาคม 2566 ที่คาดว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมที่ระดับ 5.25%-5.50%

จากข้อมูลสถิติย้อนหลังของผลตอบแทนเฉลี่ยของราคาทองคำ พบว่า ราคาทองคำจะปรับตัวลงในเดือนพ.ย. โดยผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปีของราคาทองคำ จะปรับตัวลงในเดือนพ.ย. กว่า 2.17% ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปี และ 10 ปีของราคาทองคำ จะปรับตัวลงในเดือนพ.ย. กว่า 1.91% และ 2.51% ตามลำดับ แต่ราคาทองคำจะเริ่มมีการปรับตัวขึ้นในเดือนธ.ค. และเดือนม.ค. ของปีถัดไป และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่เป็นบวก

ดังนั้นหากต้องการลงทุนทองคำ ยังคงแนะนำให้เน้นฝั่งซื้อ มากกว่าฝั่งขาย สำหรับทองแท่ง ให้หาจังหวะเข้าสะสมทองคำในช่วงเดือนนี้ โดยทองคำแท่งยังได้รับอานิสงส์ต่อจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท อย่างไรก็ตามเงินบาทอาจอ่อนค่าในกรอบจำกัด ซึ่งทำให้เราคาดว่าราคาทองคำจะใกล้ถึงเวลาเป็นแนวโน้มขาขึ้นได้ในอีกไม่ช้า

หลังจากราคาทองยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทุกเส้นได้  ทำให้แนวโน้มราคาทองคำเป็นขาขึ้น สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. โดย Conference Board จีดีพีไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งที่ 2) ดัชนี PMI เขตชิคาโกเดือนพ.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือนต.ค. และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย.โดย ISM สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่  1,980 ดอลลาร์ และ 1,975 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,010 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,020 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 33,300 บาท และ 33,000 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 33,600 บาท และ 33,800 บาท

สำหรับผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 27 พ.ย. -1 ธ.ค. 2566 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ ระบุว่า 14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 8 ราย หรือเทียบเป็น 57% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 2 ราย หรือเทียบเป็น 14% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 4 ราย หรือเทียบเป็น 29% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 310 ราย ในจำนวนนี้มี 207 ราย หรือเทียบเป็น 67% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 66 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 37 ราย หรือเทียบเป็น 12% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ราคาทองคำ

ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 32,900 – 33,450 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 33,450 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 450 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 33,000 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1. การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 คาดคณะกรรมการฯ อาจมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.50% ต่อปี

2. การประชุมของกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ซึ่งประกาศเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 จากเดิมวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2566 โดยไม่มีการระบุสาเหตุแต่อย่างใด ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในด้านนโยบายการผลิตของโอเปกพลัส

3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนี ยอดขายบ้านใหม่, อัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index, ยอดขายบ้านที่รอปิดการขายเมื่อเดือน ตุลาคม 2566, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ข้อมูล ISM และ PMI ภาคการผลิตเดือน พฤศจิกายน 2566, ตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 3 ปี 2566 (Prelim), รายงาน Beige Book ของ FED และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.