บอนด์ยิลด์ย่อต่อ หุ้นไทยแกว่งกรอบ 1405-1430 จุด เชียร์ 3 หุ้นเด่น

ราคาพลังงาน-บอนด์ยิลด์ย่อต่อ

     นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่า การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯวานนี้ ยังคงสะท้อนภาพรวมที่อ่อนแอลง นำโดย ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ที่ 2.31 แสนคน สูงสุดในรอบ 2 เดือน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ 2.18 แสนคน และสูงกว่าตลาดคาดที่ 2 . 2 แสนคน เช่นเดียวกับยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯต่อเนื่องที่พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี ที่ระดับ 1.86 ล้านคน

     นอกจากนี้ ยังพบว่าดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ เดือนตุลาคม ชะลอตัวลง -0.6%m-m จากเดือนก่อนที่ +0.1%m-m และแย่กว่าคาดที่ -0.4%y-y ตอกย้ำภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มแผ่วลงจากสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอส่งผลให้โอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯจำกัดมากยิ่งขึ้น
ส่งผลให้ Dollar Index อ่อนค่าลงสู่ 104 จุด รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ของสหรัฐฯก็ย่อแรงสู่ระดับ 4.43% (-9.6 bps)

     ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกยังคงปรับฐานต่อเนื่อง โดยวานนี้ Brent ปิดที่ 77.42 USD/bbl (-4.6%) เป็นแรงกดดันต่อเนื่องต่อกลุ่มพลังงานสำหรับแนวโน้ม SET วันนี้ คาดแกว่งทรงตัว โดยธีมการลงทุนหลักยังเน้นหุ้นโซนล่างที่ได้อานิสงส์เชิงบวกจาก Bond Yield ที่ ชะลอตัว ผสานหุ้นที่รับประโยชน์จากราคาพลังงานที่ปรับฐานต่อเนื่อง ดังนั้นแนะทยอยสะสมกลุ่มโรงไฟฟ้า

     ฝ่ายวิจัยคาด SET วันนี้ “Sideways” ในกรอบ 1405-1430 จุด ตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯยังอ่อนแอ เพิ่มโอกาสการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นสหรัฐฯ แต่ราคาพลังงานย่อแรงอาจเข้ามาเป็นปัจจัยถ่วง ดังนั้นมุมมองกลยุทธ์แนะสะสมกลุ่มที่ได้อานิสงส์ราคาพลังงานย่อตัว และ US Bond Yield ปรับฐาน

     โดยวันนี้แนะนำ “GPSC” ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 57 บาท ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาตอบรับปัจจัยลบจาก Policy Risk ไปค่อนข้างมาก โดยคาดกำไรไตรมาส 4/66 จะเติบโต y-y ลดลง q-q แต่ Valuation ก็เข้าสู่ระดับที่น่าดึงดูด (PE & PBV -1SD)

     อีกทั้งติดตามการปรับค่า Ft ในเดือน พ.ย.นี้ สำหรับใช้ในรอบบิล ม.ค.-เม.ย. 2024 ซึ่งมีโอกาสปรับขึ้น โดยระยะสั้นราคา Bond Yield ที่ชะลอตัว รวมทั้งราคาพลังงานที่ลดลง คาดเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม

น้ำมันเด้งดันหุ้นวันนี้

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์(17 พ.ย.66)ที่ผ่านมา SET Index เพิ่มขึ้น 0.44 จุด (+0.03%) ปิดที่ระดับ 1,416 จุด ตลาดไม่มีปัจจัย หนุนใหม่นักลงทุนหมุนกลุ่มเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากน้ำมันลง และสลับเข้าซื้อกลุ่ม Property Fund และกอง REIT ที่มีลักษณะผลตอบแทนใกล้เคียงกับพันธบัตร

     แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ประเมิน SET แกว่งตัวกรอบ 1,405 - 1,430 จุด ภาวะตลาดได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ขึ้นหลังสหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซีย รวมถึงคาดการณ์ FED จะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในกลางปีหน้า อย่างไรก็ ตามคาดว่าการฟื้นตัวจะอยู่ในกรอบจำกัดเนื่องจาก Fund flow ต่างชาติชะลอตัว รวมถึงแรงขายลดความเสี่ยงตามสัญญาณเทคนิค

     กราฟ SET เป็นช่วงกลับตัว W shape ยืนเหนือเส้น EMA 10 วัน พร้อมเครื่องมือ MACD + RSI ชี้ขึ้นซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มเชิงบวก อย่างไรก็ตาม Volume ที่ค่อนข้างบางจะกดดันให้ภาวะตลาดผันผวนง่าย ดังนั้นประเมินว่า SET จะพักตัวกรอบ 1,405 - 1,430 จุด จึงแนะนำซื้อเก็งกำไรในกรอบดังกล่าวโดยถือหุ้นต่อได้หากดัชนีไม่หลุด 1,400 จุด ส่วนระยะกลาง-ยาวถือหุ้นต่อเป้าหมาย 1,430 จุด ยกเว้นหลุด 1,400 จุดให้ลดพอร์ทลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selvectie buy
     PTTEP BCP SPRC TOP ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น PSL TTA อานิสงส์ค่าระวางเรือดีดตัวขึ้น
     MTC SAWAD KTC AEONTS ASK อานิสงส์ Bond yield อ่อนตัวลง

หุ้นแนะนำวันนี้ 

     SPRC (ปิด 8.15 ซื้อ/เป้า 10.40 บาท) ได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบฟื้น ตัวแรง เช่นเดียวกับค่าการกลั่นที่ปรับขึ้นต่อเนื่องโดยสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าการ กลั่นปรับขึ้นสู่ระดับ 7$/bbl เทียบกับเมื่อช่วงปลายเดือน ต.ค. ที่ 3$/bbl นับเป็นการปรับขึ้นแบบเท่าตัว

     และ CBG (ปิด 80 ซื้อ/เป้า 98.30 บาท) แนวโน้มรายได้และกำไรจะเร่งตัวขึ้นใน 4Q23 จากการรับรู้รายได้ผลิตขวดและจัดจำหน่ายเบียร์เข้ามาเต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก ปีหน้าจะมีค่าใช้จ่ายค่าลิขสิทธ์ฟุตบอลคาราบาวคัพลดลงจากการแชร์ค่าใช้จ่ายร่วมกับคุณ เสถี

ประเด็นสำคัญวันนี้

     (+) น้ำมันดิบฟื้นตัวแรงจากข่าวสหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรเรือขนส่งน้ำมัน จากรัสเซียเพิ่ม: เมื่อวันศุกร์ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.99$ (+4.1%) ปิดที่ 75.89$/bbl หลังมีรายงานว่าสหรัฐบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรบริษัทเดินเรือและ เรือขนส่งน้ำมันของรัสเซียที่ขายน้ำมันเกินกว่าเพดานที่กลุ่ม G7 ไว้ที่ 60$/bbl ประเด็นนี้คาดว่าจะหนุนให้หุ้นในกลุ่มน้ำมันโรงกลั่นที่ลดลงเมื่อวันศุกร์กลับมาฟื้นตัว

     (+/-) วันนี้ติดตามสภาพัฒน์ประกาศ GDP 3Q23 ตลาดยังมองบวกคาด
ขยายตัว 2%: Bloomberg Consensus คาด GDP 3Q23 ของไทยจะขยายตัว 2% โตขึ้นจาก 1.8% ใน 2Q23 สอดคล้องกับฝ่ายวิจัยของธนาคารกรุงศรีฯ คาด
ว่าจะขยายตัว 2% เช่นกันหากตัวเลขออกมาตามคาดจะเป็นบวกอ่อนๆ ต่อ ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นบ้านเรา ตรงกันข้ามหากตัวเลขต่ำคาดหรือต่ำกว่า
ระดับ 1.8% จะเป็นลบต่อภาพรวมโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร

     (+) พรุ่งนี้ประชุม ครม. ลุ้นเห็นชอบมาตรการ e-Refund และ กองทุน Thai ESG Fund: เราคาดว่าในสัปดาห์นี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำรายละเอียดและข้อสรุปของโครงการ e-Refund และ กองทุน Thai ESG Fund (สัปดาห์ที่แล้วหารือระหว่างหน่วยงาน)เข้าที่ประชุม ครม.เพื่ออนุมัติและบังคับใช้เป็น Sentiment บวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มที่อยู่ในดัชนี
SETESG (193 หลักทรัพย์)

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.