เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย หุ้นไทยย่อสร้างฐาน 1390-1410 จุด เน้นหุ้นกำไรฟื้น

ไม่ลังเลหากจำเป็นต้องขึ้น ดบ.

      นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่า ถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพลเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯที่กล่าวในงานประชุมของ IMF ที่ กรุงวอชิงตันวานนี้ บ่งชี้ว่า คณะกรรมการฯ ยังมุ่งมั่นที่จะทำให้เงินเฟ้อสหรัฐฯเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% ให้ได้ แต่ยังไม่เชื่อมั่นว่านโยบายปัจจุบันจะเข้มงวดเพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมาย โดยจะดำเนินนโยบายต่อไปด้วยความระมัดระวัง แต่ จะไม่ลังเลหากจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดขึ้นเพื่อคุมเงินเฟ้อสู่เป้าหมาย

      จากถ้อยแถลงดังกล่าว สะท้อนว่าคณะกรรมการ FED ยังไม่พร้อมที่จะประกาศการสิ้นสุดของวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น แม้ว่าตลาดการเงินจะเริ่มตีความไปในแนวทางนั้นแล้วก็ตาม จึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีกลับมาปรับขึ้น +13bps สู่ระดับ 4.626% และกดดันให้ดัชนี S&P500 ติดลบวันแรก หลังจากปรับขึ้น 8 วันติดต่อกัน

      ด้านตัวเลขเศรษฐกิจวานนี้มีการรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 2.17 แสนคน น้อยกว่าสัปดาห์ก่อนที่ 2.2 แสนคน และลดมากกว่าตลาดคาดที่ 2.18 แสนคน บ่งชี้ภาคแรงงานสหรัฐฯยังอยู่ในเกณฑ์ที่้ดีขึ้น

      ส่วน SET ยังผันผวนตามการรายงานงบ 3Q23 ซึ่งหลายอุตสาหกรรมเริ่มออกมาต่ำกว่าคาด (เช่น กลุ่มค้าปลีก) ดังนั้นอาจยังต้องระมัดระวังในช่วงนี้เพิ่มเติม ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ แนะติดตามการแถลงรายละเอียดโครงการ “Digital Wallet” ซึ่งถือเป็นโครงการใหญ่ที่มีนัยสำคัญต่อ GDP ปีหน้า

      คาด SET วันนี้ “ย่อสร้างฐาน” ในกรอบ 1390-1410 จุด ถ้อยแถลงประธาน FED ไม่เชื่อมั่นว่านโยบายปัจจุบันเข้มงวดพอต่อการบรรลุเป้าหมาย โดยจะดำเนินนโยบายด้วยความระมัดระวังแต่ก็จะไม่ลังเลหากจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ US Bond Yield ดีดขึ้น เป็นจิตวิทยาลบต่อตลาด 

      ส่วนกลยุทธ์เน้นหุ้นที่แนวโน้มกำไรยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว แนะนำ “ITC” ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 23.50 บาท คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยคาด 4Q23 จะเป็นจุดสูงสุดของปี จากการกลับมา Restocking ของลูกค้า และการได้ลูกค้า Global Brand รายใหม่ ผสานกับอัตราการทำกำไรที่คาดปรับขึ้น หลังต้นทุนวัตถุดิบลดลง ส่วนภาพปี 2024 คาดกำไรจะเติบโตเด่น +22%y-y สู่ระดับ 2,935 ล้านบาท

FED ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

      ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นวานนี้ SET Index ลดลง 7 จุด (-0.48%) ปิดที่ระดับ 1,405 จุด นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มค้าปลีกผิดหวังงบ 3Q23 ออกมาแย่, หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลมีแรงขาย Sell on fact และหุ้นกลางเล็กกังวลปัญหาสภาพคล่องหลัง JKN ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ

      แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้(10 พ.ย.66)ประเมิน SET อ่อนตัวแนวรับ 1,400 / 1,390 จุด หลัง FED ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อในงานเสวนา IMF ส่งผลให้ US Bond yield พุ่ง ขึ้นเหนือ 4.6% และเงิน USD แข็งค่าขึ้นซึ่งเป็นลบต่อทิศทาง Fund flow รวมถึง ภาวะการลงทุน อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะฟื้นตัวขึ้นได้จากแรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวรวมถึงหุ้นงบ 3Q23 เติบโต

ยืน 1400 ซื้อเล่นเด้ง

      กราฟ SET วานนี้ทรุดตัวลงแต่ยังสามารถปิดที่แนวเส้น EMA 10 วันได้ทำให้รูปแบบ U shape ยังดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตามเครื่องมือ MACD กับ RSI ให้สัญญาณขัดแย้งกันส่งผลให้ดัชนีผันผวน ดังนั้นประเมินว่า SET จะพักตัวกรอบ 1,400 - 1,415 จุดจึงแนะนำซื้อเล่นรีบาวด์ โดย Cut loss หากหลุด 1,390 จุด 

      หุ้นแนะนำวันนี้ คือ CBG (ปิด 75.25 ซื้อ/เป้า 98.30 บาท) คาดกำไรสุทธิดีขึ้นต่อเนื่อง เบื้องต้น คาดกำไรสุทธิ 3Q23 ที่ 586 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22%qoq และ 23%yoy แนวโน้มรายได้และกำไรจะเร่งตัวขึ้นอีกใน 4Q23 จากการรับรู้รายได้ผลิตขวดและจัดจำหน่ายให้กับเบียร์คาราบาวเต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก

      CENTEL(ปิด 46.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 53 บาท) Consensus คาดการณ์งบ 3Q23 จะมีกำไรสุทธิประมาณ 140 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 16%qoq และดีขึ้นอย่างมากจาก 3Q23 ขาดทุนสุทธิ 78 ล้านบาท แนวโน้ม 4Q23 ดี ต่อเนื่องตาม High Season

ประเด็นสำคัญวันนี้

      (+) ดัชนีความเชื่อมั่นของไทยเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 44 เดือน: ม.หอการค้าฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 60.2 จาก 58.7 ในเดือน ก.ย. ปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และสูงสุดในรอบ 44 เดือน เป็นสัญญาณบวกต่อ ศก. ไทยและหุ้นที่เกี่ยวข้องอาทิ กลุ่มค้าปลีก แต่ ผลบวกยังจำกัดเนื่องจากความเชื่อมั่นดังกล่าวยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโค วิดเฉลี่ยที่ระดับ 75

      (+) สัปดาห์หน้าติดตาม สภาพัฒน์ประกาศ GDP ของไทยประจำไตรมาส 3/23: เบื้องต้นฝ่ายวิจัยธนาคารกรุงศรีฯ และ Consensus คาดว่าจะขยายตัว 2% และ 2.4% ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจาก 2Q23 ที่ขยายตัว 1.8% หาก GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้นและมากกว่าที่ Consensus คาดจะช่วยดึง Sentiment ของการลงทุนในบ้านเรากลับมาและจะส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร

      (+/-) จับตาตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เดือน ต.ค. ของสหรัฐเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ ทิศทางดอกเบี้ยของเฟด: สหรัฐจะรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ต.ค.ในวันอังคารที่ 14 พ.ย. คาด Headline Inflation จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.8% จาก 3.7% ใน เดือน ก.ย. และคาด Core Inflation จะทรงตัวที่ระดับ 4.1% หากเป็นไปตามที่ตลาดคาดไม่น่ากังวลแม้ Headline CPI จะเพิ่มขึ้นแต่ยังอยู่ในกรอบจำกัด

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.