เปิดประวัติ ทนายอนันต์ชัย รับทำคดีบิ๊กโจ๊ก ลั่นขอทำความจริงให้ปรากฎ
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมทีมฝ่ายกฎหมาย เดินทางมาที่สโมสรตำรวจ เพื่อเข้าหารือกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. หลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายความสู้คดีถูกค้นบ้านพักซอยวิภาวดี 60 กทม.และผู้ใต้บังคับบัญชาถูกออกหมายจับดำเนินคดี 8นาย
ทนายอนันตชัย ระบุว่า เมื่อคืนได้รับการติดต่อจากพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลใน 2 ส่วน โดยส่วนแรกคือดูแลเรื่องของกรณีที่มีบุคคลไม่หวังดีมากลั่นแกล้ง รวมไปถึงเรื่องของการค้นบ้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์
ส่วนที่ 2 คือเรื่องของผู้ใต้บังคับบัญชาที่โดนออกหมายจับ 8 คน ซึ่งจะต้องมาดูกันว่าส่วนไหนมีข้อพิรุธ แต่ถ้าหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิด ก็ว่าไปตามผิด จะไม่ปกป้องคนทำผิดอย่างเเน่นอน
ทนายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า ตนเคยเป็นทนายความของ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวช อดีตผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็เคยเกิดขึ้นในสมัยของ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ในสมัยที่ตนเป็นทนายความให้ด้วย มองว่าหนักกว่าตอนนี้อีก จึงรู้สึกไม่หนักใจ และเบื้องต้นก็ได้พูดคุยกันในทีมทนายเเล้ว ว่าแล้วหลังจากนี้การให้สัมภาษณ์ใดๆก็ตาม จะต้องผ่านทีมทนายความเท่านั้น เพื่อรักษาภาพลักษณ์ เเล้วไปสู้กันในศาล
ทั้งนี้ ตนเองตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด เหตุการณ์นี้ต้องมาเกิดก่อนที่จะมีการเลือกผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติคนใหม่ ตนเชื่อว่าประชาชนหรือแม้กระทั่งเด็กอนุบาลก็น่าจะมองออกว่า ปฏิบัติการค้นบ้านมีเจตนาอะไร และการออกหมายค้นก็มองว่าไม่ปกติ เพราะท่านมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นอกจากนี้การเอาหน่วยคอมมานโดบุกไปที่บ้าน เป็นเรื่องที่ไม่สมควร และทนายอนันตชัย ไม่เชื่อว่าตำรวจที่ไปค้นบ้าน จะไม่รู้ว่าเป็นบ้านของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกลั่นเเกล้ง ดิสเครดิตอย่างเเน่นอน หน้าที่ของตนคือจะต้องทำความจริงให้ปรากฏ
“ในส่วนเรื่องเก่าของบิ๊กโจ๊กตนเองไม่เกี่ยว แต่เรื่องนี้ท่านถูกรังแก จึงต้องทำความจริงให้ปรากฏ ถ้าอึมครึมอยู่แบบนี้ ชื่อเสียงเกียรติยศจะป่นปี้หมด และในฐานะที่เป็นทนายความ ถือเป็นเหรียญสองด้าน ทั้งโจทย์และจำเลย หน้าที่ของทนายความคือทำความจริงให้ปรากฏต่อศาลและต่อสาธารณชน”
ส่วนเรื่องที่มีภาพ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ปรากฎร่วมกับ"มินนี่" เจ้าของเว็บพนันออนไลน์ แล้วถูกนำมาโยงกันนั้น ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า การเป็นบุคคลสาธารณะ เวลาจะเดินทางไปที่ไหนย่อมมีคนมาขอถ่ายรูปเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งคนที่มาขอถ่ายรูป หรือร่วมเฟรมภาพ อาจจะมีทั้งคนดีรวมไปถึงคนที่ทำผิดกฎหมายปะปนกันไป ดังนั้นการที่ถ่ายรูปกับคนที่กระทำผิดกฎหมายก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลผู้นั้นจะมีความผิดไปด้วย
“การที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปร้องเพลง ไปถ่ายรูป รวมถึงที่มีดาราไปถ่ายรูป แล้วจะชั่วไปด้วยมันไม่ใช่ อย่าไปคิดอย่างนั้น เพราะคดีอาญาให้ดูที่เจตนา ว่ากระทำความผิดจริงหรือไม่ ตามมาตรา 59 ไม่ใช่ดูที่การถ่ายรูป"
นอกจากนี้อย่าขอเอาเรื่องของลูกน้อง ที่กระทำผิดมารวมกับผู้บังคับบัญชา เพราะการที่ลูกน้องทำผิดไม่ได้หมายความว่าผู้บังคับบัญชาจะทำผิดด้วย เพราะเรื่องเส้นทางการเมืองทั้งหมดนั้นตนเองทราบหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม และเรื่องนี้ตนเองจะไม่ให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์พูดอีกแล้วทนายความจะเป็นผู้พูดแทน
ทนายอนันต์ชัย ได้ย้ำความมั่นใจว่า "ไม่ต้องกลัว งานนี้ผมเอาอยู่" และจะขอเปลี่ยนฉายาให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ใหม่ จาก"โจ๊กหวานเจี๊ยบ" เป็น"โจ๊กอัคนี"สื่อถึงเปลวเพลิงที่เผาทุกสิ่งทุกอย่าง เเละมีความเเข็งเเกร่ง
ส่วนกรณีการเช็คบิล ตนเองจะมีการตั้งวอลรูม ทีมทนายความขึ้นมา และดูการให้สัมภาษณ์ของแต่ละบุคคลผ่านสื่อ รวมถึงสื่อมวลชนด้วย รวมถึงดูประเด็นต่างๆทั้งระบบ ใครออกเอกสารอะไรเปิดเผยมา ใครหมิ่นประมาท จะไล่เช็คบิลทั้งหมด และหากพบว่าใครที่พาดพิง ก็จะมาพิจารณาว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่ และการรับทำคดี ไม่เคยหนักใจ ทำคดีต้องชัวร์ รับทำคดีใครต้องดูข้อเท็จจริงข้อกฎหมายให้ชัดเจนแล้วและระบคดีนี้ เพราะมีช่องของการต่อสู้
“เงินที่บอกว่าโอนมา กับเงินที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จ่ายไปไม่บาลานซ์กันและไม่สมเหตุสมผลกัน ค่ารักษาพยาบาลแม่ ค่าโทรศัพท์ ระดับรองผบ.ตร.จะมาตายน้ำตื่นแค่เรื่องแค่นี้เหรอ คิดว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่ ลูกน้องชั่วท่านจะชั่วด้วยเหรอ บางทีเรื่องส่วนตัวลูกน้องเขาก็ไม่ได้มาบอกลูกพี่ บางทีคนใกล้ชิดเป็นก็ไม่ใช่ว่าลูกพี่จะเป็นด้วย”
ประวัตินายอนันต์ชัย
นายอนันต์ชัย เป็นเจ้าของมูลนิธิกองทัพธรรม พื้นเพเป็นคนอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ชอบเขียนบทประพันธ์ เขียนนวนิยาย เขียนกาพย์ ฉันท์ โคลง กลอน มาตั้งแต่เด็ก อยากจะเป็นนักนิเทศศาสตร์ แต่เหตุที่ทำให้มาเป็นทนาย เพราะช่วงที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย แม่โดนโกงที่ดิน 100 กว่าไร่ ฟ้องร้องคดีกันที่ศาลแล้วแพ้ เนื่องจากทนายกินทั้งสองฝ่าย
ทำให้หันมาเรียนปริญญาตรีด้านกฎหมายหวังจะสร้างความชอบธรรมให้เกิดขึ้น
การศึกษา
พ.ศ. 2557 จบการศึกษาชั้นปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยอีสเทอร์นเอเชีย
พ.ศ. 2556 จบหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองบัญชาการกองทัพไทย รุ่น 4 จากสถาบันจิตวิทยาความมั่นคง สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
พ.ศ. 2548 จบหลักสูตรเจ้าหน้าที่รายการวิทยุกระจายเสียง รุ่นพิเศษ 48 จากสถาบันการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์
พ.ศ. 2547 จบหลักสูตรประกาศนียบัตรกฎหมายชั้นสูง รุ่นที่ 6 จากสถาบันวิชาชีพกฎหมายชั้นสูง สภาทนายความ
พ.ศ. 2546 จบหลักสูตรโนตารีปับลิก รุ่นที่ 4 จากสภาทนายความ
พ.ศ. 2529 จบการศึกษาเนติบัณฑิตไทย จากสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ 39
พ.ศ. 2527 จบการศึกษาชั้นปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง รุ่นที่ 10
การทำงานด้านกฎหมาย
การทำงานด้านกฎหมายและผลงาน
- ประกอบอาชีพทนายความมาตลอด 31 ปี
- เป็นที่ปรึกษากฎหมายบริษัท โฟร์คิง สตูดิโอ จำกัด
- เป็นที่ปรึกษากฎหมายนิตยสารบริษัท เดทัมกรุ๊ป จำกัด
- เป็นที่ปรึกษากฎหมายบริษัท ฮาตาริเทคโนโลยี่ จำกัด
- เป็นที่ปรึกษากฎหมายบริษัท แคลร์เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
- เป็นที่ปรึกษากฎหมายบริษัท ศรุตยา จำกัด
- เป็นที่ปรึกษากฎหมายบริษัท เควสท์ (ประเทศไทย) จำกัด
- เป็นที่ปรึกษากฎหมายบริษัท สโตน บีลีฟเวอร์ จำกัด
ผลงาน
เคยทำคดีดังและเป็นข่าวปรากฏตามสื่อสารมวลชน เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ เว็ปไซท์ฯ หลายคดี อาทิ
1. ปี พ.ศ. 2544 เป็นทนายความให้กับ ดร.วีระศักดิ์ อาภารักษ์ ฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายทนง พิทยะ ปรากฏตามภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย ฉบับลงวันที่ 4 ธันวาคม 2544 จนได้ให้คำชมเชยเป็นฉายาว่า “แจ็คผู้อาสาฉีกหน้ากากยักษ์ขี้ฉ้อ”
2. ปี2544 เป็นทนายความให้กับกลุ่มผู้ค้าหูฉลามย่านเยาวราช ฟ้องร้องดำเนินคดีกับองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่านานาชาติ (ไวล์ดเอด) จนปรากฏภาพข่าวโด่งดังไปทั่วโลก
3. ปี 2547 เป็นทนายความให้กับนายวีระ ลิมปะพันธ์ นายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ฟ้องร้องดำเนินคดีกับกรรมการของสมาคมฯ ที่กล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์
4. ปี 2548 - 2549 เป็นทนายความให้กับนางสาวชุติมา นัยนา (เอ้) อดีตนางสาวไทย และดารา นักแสดง ฟ้องร้องดำเนินคดีกับนิตยสารกอซซิปสตาร์ที่กล่าวหาว่านางสาวชุติมา นัยนา เป็นแม่เล้า
5. ปี 2549 เป็นทนายความให้กับนางสาวสกาวใจ พูลสวัสดิ์ (อ๋อม) ดารานักแสดง ฟ้องร้องดำเนินคดีกับบริษัท เอ็น.บี.ดี เฮลแคร์ จำกัด ในข้อหาละเมิด หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีที่บริษัทแอบอ้างว่านางสาวสกาวใจเป็นตัวแทนงานโฆษณาของบริษัท
6. ปี 2549 - 2555 เป็นทนายความให้กับพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามผู้มีอิทธิพลเกี่ยวกับสถานบริการและแหล่งอบายมุข ฟ้องร้องดำเนินคดีกับ พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล และนายไพรจิตร ธรรมโรจน์พินิจ (ปอ ประตูน้ำ) ฯ
7. ปี 2551 หลังการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้มีอิทธิพล จึงถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลใช้มีดสปาต้าฟันศีรษะที่บริเวณศาลอาญา อันเป็นผลมาจากจากการว่าความและดำเนินคดีในชั้นศาลโดยไม่เกรงกลัวต่อผู้มีอิทธิพล ซึ่งปรากฏภาพข่าวตามสื่อสารมวลชนทุกแขนง จนหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับลงวันที่ 23 เมษายน 2551 ได้ให้คำชมเชยเป็นฉายาว่า “ทนายกระดูกเหล็ก”
8. ปี 2553 เป็นทนายความให้กับนางสาวสุรางคนา สุนทรพนาเวศ (ตา) อดีตรองนางสาวไทยและดารานักแสดง ฟ้องร้องดำเนินคดีกับ บริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด กรณีผิดสัญญาว่าจ้างและตัวแทน
9. ปี 2554 เป็นทนายความให้กับนายวิกิจ ธนสารสมบัติ ประธานบริษัทผลิตเสื้อยืดตราห่านคู่กรณีถูกหุ้นส่วนรุมทำร้ายร่างกายจนได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต
10. ปี 2556 เป็นทนายความให้กับนางสาวกมลนันท์ สังเกต ประติมากร และกรรมการบริษัท ร็อคคลา ไฟน์ อาร์ท จำกัด คดีที่ผู้เสียหายฟ้องต่อศาล ใช้เอกสารปลอม ยักยอก รท. เก๊ ตุ๋นไฮโซ ทั้งรถเก๋งและของหรู
11. ปี 2559 เป็นทนายให้กับนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ (ชายพิการ) ที่ถูก 6 โจ๋รุมทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต
12. ปี 2559 เป็นทนายความให้กับนายสาธร พุทธชัยยงค์ บิดาของนักเรียนนายร้อยตำรวจที่ฝึกโดดร่ม แล้วร่มไม่กาง เป็นเหตุให้เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2557
13. ปี 2559 คดีบริษัท ยูฟันสโตร์ จำกัด
คดีอื่นๆ
- คดีโรงโม่หิน
- คดีฆ่าปาดคอ
- คดีฆ่า 3 ศพ
- คดีพ่อค้า-แม่ค้าประท้วงเจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม
- คดีชกพระ
- คดีฉกเงิน 3 ล้าน ธนาคารแห่งประเทศไทย
- คดีอุ้มเสี่ยค้าของเก่า
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.