เรืองไกร บุก กกต. ยื่นสอบคุณสมบัติ นายกฯ อิ๊งค์ แพทองธาร 2 ข้อหาหนัก
นายเรืองไกร ลีกิจวัตนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เดินทางมายัง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นคำร้องให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใน 2 ประเด็น คือ
ประเด็นแรก กรณีเป็นกรรมการบริษัท 20 แห่ง ของ น.ส.แพทองธาร ที่ยื่นออกลาจากกรรมการบริษัท ในวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลทันที โดยตามกฎมหมายแพ่ง มาตรา 1153/1 แก้ไขเมื่อปี 2549 ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร แก้ไขเรื่องการลาออกจากกรรมการบริษัทว่า การจะลาออกให้ยื่นหนังสือไปที่บริษัท หรือจะยื่นต่อนายทะเบียนก็ได้
ส่วนการไปจดทะเบียนจะอยู่ในอีกมาตรา คือ ว่าถ้ามีกรรมการลาออกแล้ว กรรมการที่เหลือ มีเวลาไปจดแจ้งอีก 14 วัน ดังนั้นหนังสือเอกสารที่ตนคัดมา 20 บริษัทรวมกว่า 100 หน้า มายื่นต่อกกต. โดยมีข้อสังเกตว่า น.ส.แพทองธาร ไปยื่นลาออกที่บริษัท ที่ตั้งอยู่ใน 4 จังหวัด อาทิ อยู่ที่กทม. 14 บริษัท อยู่ที่ปทุมธานี 2 บริษัท โดยหนึ่งแห่งมีสนามกอล์ฟอัลไพน์ด้วย นครราชสีมา 1 บริษัท และอยู่ลำพูน 3 บริษัท โดยยื่นด้วยตัวเองในวันที่ 15 ส.ค. ภายในวันเดียวได้อย่างไร
ทั้งนี้ในวันที่ 16 ส.ค. 67 สภาผู้แทนราษฎรก็ได้มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่าเดินทางไปว่ายื่นใน 4 จังหวัดในเวลาเดียวกันได้อย่างไร และถามตรงไปยังนายกรัฐมนตรี ว่าโชว์เอกสารการลาออกได้หรือไม่ โดยนายกรัฐมนตรีมีคำตอบว่าไม่ใช่เรื่อง ดังนั้น กกต.จึงต้องตรวจสอบให้ชัด
ประเด็นที่ 2 ขอให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องจริยธรรม นายกรัฐมนตรี ยินยอม ให้นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบิดา มาครอบครองตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ ขอย้ำว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของพ่อ ลูก แต่เป็นเรื่องของนายกฯ ของแผ่นดิน เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ เพราะอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ความแพ่ง ของน.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์ โดยได้คัดคำร้องในเรื่องจริยธรรม ข้อ 8 เรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ให้คนอื่นยินยอมรับหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องครอบงำที่จะไปร้องยุบพรรค เพราะยังอ่านคำวินิจฉัยเต็มจากศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ แต่อันนี้มีเหตุควรแก่การยื่นตรวจสอบแล้ว
ทั้งนี้ คำว่าครอบงำอยู่ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่า ด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 แต่ไม่มีคำว่าครอบครองในกฎหมายดังกล่าว ตนจึงต้องยกคำพิพากษาศาลฎีกา และพจนานุกรมให้กกต.ไปดูว่าคำว่าครอบครองหนักกว่าหรือไม่ และคำว่าครอบครองไม่สามารถร้องในมาตรา 28 เพราะไม่มีบัญญัติคำนี้ จึงไม่สามารถไปขยายความกฎหมายเองได้ แต่จะต้องไปปรับกับมาตรฐานทางจริยธรรม ซึ่งมีกำหนดข้อห้ามไว้ 22 ข้อ ซึ่งรัฐมนตรีใหม่ได้มีการตรวจสอบแน่ ยืนยันว่าไม่ได้ร้องแค่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่จะร้องหมดทุกฝ่าย " นายเรืองไกร
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.