"ทักษิณ"พร้อมขึ้นศาลสืบพยานคดี112 ทุกนัด พิสูจน์ความจงรักภักดี

เมื่อวันที่ 19สิงหาคม 2567 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังศาลอาญา นัดตรวจพยานหลักฐาน ในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักคดีอาญา 8 เป็นโจทหก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พศ.2550  กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ เมื่อปี2558 โดยมีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน ว่า ศาลได้สอบคำให้การนายทักษิณซึ่งให้การปฏิเสธ ฝ่ายโจทก์ยื่นพยาน10ปาก ใช้เวลา 3นัด สืบพยานนัดแรก วันที่ 1, 2,และ 3 ก.ค. 2568  ฝ่ายจำเลยยื่นพยาน 14ปากใช้เวลา 3นัด วันที่ 15, 16, 22 และ 23 ก.ค. 2568  หลังจากนั้นศาลจะจัดทำคำพิพากษาต่อไป  

นายวิญญัติ กล่าวว่า ฝ่ายโจทก์ไม่อ้างประจักษ์พยานเเม้เเต่ปากเดียวแต่ฝ่ายจำเลยอ้างล่ามเเปลภาษา ชาวเกาหลีที่พูดภาษาไทยได้ เเต่จะนำมาเบิกความจริงหรือไม่ต้องดูทางโจทก์ว่าติดใจสืบพยานปากนี้เเค่ไหน  ภาระการพิสูขน์คดีอาญาอยู่ที่ฝ่ายโจทก์ ส่วนจะต้องนำมาหรืออาจจะใช้วิธีทางไกลผ่านจอภาพก็สามารถทำได้เเล้วในปัจจุบัน โดยฝ่ายจำเลยจะมีพยานปากที่เป็นบุคคลสำคัญเป็นนักกฎหมายมาเบิกความ นายทักษิณไม่ได้หนักใจตนก็ไม่หนักใจ การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานอยู่ที่ศาลเราก็ทำหน้าที่ให้ดีทั้งโจทก์เเละจำเลย

นอกจากนี้ ยังมีพยานผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ตามคลิปที่ปรากฏในระบบคอมพิวเตอร์ คลิปที่มีการส่งตรวจตั้งแต่แรก เป็นการรวบรวมจากระบบอินเทอร์เน็ตลงในแผ่นซีดี ไม่ใช่หลักฐานจากสถานที่จริง  เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบคลิปที่เป็นประเด็นยืนยันว่าไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ถึงความเป็นต้นฉบับ การตัดต่อและการแปลความเป็นภาษาไทยก็ไม่สมบูรณ์ ในเรื่องนี้มีภาษาอังกฤษเพียงคำเดียวที่เป็นปัญหาและนำไปสู่การกล่าวหานายทักษิณ ซึ่งสอดคล้องกับที่เคยแถลงก่อนหน้านี้ว่าหลักฐานของฝ่ายโจทก์เป็นเพียงเพียงการรวบรวมคลิป 

หลังจากนี้จะเป็นการพิสูจน์ความจริงต่อศาล ขึ้นอยู่กับศาลจะรับฟังพยานหลักฐานและมีคำวินิจฉัยอย่างไร อย่างไรก็ตามมองว่าเรื่องนี้ นายทักษิณถูกกระทำจากระบบการกล่าวหา  ที่มีการนัดสืบพยานในปีหน้านั้นเนื่องจากศาลอาญาเป็นศาลใหญ่ รับคดีทั่วราชอาณาจักร มีคดีจำนวนมาก ต้องนัดสืบพยานไปตามลำดับของคดี เเต่คดีนี้เป็นการนัดคดีต่อเนื่อง  ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่ ในฐานะทนายความไม่มีความเห็น

เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายจำเลยจะขอยื่นสืบพยานลับหลังหรือไม่ นายวิญญัติกล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่มี ซึ่งได้รับการยืนยันจากนายทักษิณว่าพร้อมที่จะมาสืบพยานทุกนัด เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยตัวเองและพิสูจน์ว่าที่ผ่านมาไม่มีเจตนาที่จะก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และพร้อมที่จะได้แสดงความจงรักภักดีเพื่อให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งประชาชนคนไทยก็เห็นได้อยู่แล้ว แต่หากศาลอนุญาตให้มีการสืบพยานลับหลังก็อาจจะไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเอง

ส่วนนายทักษิณจะมีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศอีกหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา และในการต่อสู้คดีนี้ นายทักษิณมีความมั่นใจ ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ 

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ กรณีที่เอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณในการรักษาตัวที่ชั้น 14 นั้นนายวิญญัติกล่าวว่า นายทักษิณ ไม่ได้กังวล ขอยืนยันว่า นายทักษิณป่วยจริง และตนก็เป็นทนายเพียงคนเดียวที่ไปเยี่ยมนายทักษิณ และตัวนายทักษิณก็อยู่ชั้น 14 จริง

ผู้สื่อข่าวถามว่าหาก ป.ป.ช. เรียกนายทักษิณ ไปให้ปากคำ เจ้าตัวจะพร้อมเข้าให้ข้อมูลหรือไม่ นายวิญญัติ ระบุว่า อยู่ที่ว่านายทักษิณเกี่ยวอะไร เพราะท่านไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ก็ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. จะพิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่มีมูล และจะไต่สวนนายทักษิณหรือไม่ แต่หากมีการไต่สวนนายทักษิณก็ยินดี เพราะท่านกลับเข้ามาในประเทศ ท่านบอกว่าพร้อมที่จะปฏิบัติตามกติกาของสังคม โดยเฉพาะกฎหมาย ไม่เช่นนั้นนายทักษิณคงไม่เข้าสู่กระบวนการ ส่วนกระบวนการจะเป็นอย่างไรนั้น ก็เป็นเรื่องในหลายๆ ส่วนที่เกี่ยวข้อง 

ส่วนคดีที่ยื่นฟ้อง นายแพทย์วรงค์ เดชนุกรม ประธานพรรคไทยภักดี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และดูหมิ่นด้วยการโฆษณา รวม  2 ข้อหา กรณีพาดพิงเรื่องถุงขนม2 พันล้านศาลนัดไต่สวน 30 ก.ย.2567เป็นนัดเเรก ยังไม่มีการไกล่เกลี่ยซึ่งนายทักษิณประสงค์จะดำเนินคดีถึงที่สุด
 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.