กฤษฎีกา แนะ รัฐออกกฎหมาย วางมาตรการเก็บภาษี Entertainment Complex ให้ชัด
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ “เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์” ระหว่างวันที่ 2-18 สิงหาคม 2567 เพื่อเป็นสถานที่สำหรับประกอบธุรกิจบันเทิงที่มีองค์ประกอบของธุรกิจหลากหลายประเภทรวมกัน เช่น โรงแรม ศูนย์การประชุม ศูนย์การจัดแสดงสินค้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ธนาคาร สวนสนุก สนามกีฬา เป็นต้น ร่วมกับกาสิโน โดยมุ่งหวังให้เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ
ร่างกฎหมายฉบับนี้มีสาระสำคัญในการกำหนดให้มีสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจสถานบันเทิงอย่างน้อย 4 ประเภทร่วมกับกาสิโน โดยต้องตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ที่กำหนด และดำเนินการโดยบริษัทที่จดทะเบียนในไทยซึ่งมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท
กฎหมายฉบับนี้จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อกำหนดนโยบายและกำกับดูแลการดำเนินงาน รวมถึงจัดตั้งสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อทำหน้าที่ในการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจจะมีอายุ 30 ปี โดยสามารถต่ออายุได้คราวละไม่เกิน 10 ปี ทั้งนี้ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างเคร่งครัด รวมถึงการห้ามโฆษณาหรือเชิญชวนเกี่ยวกับกาสิโน
รัฐคาดหวังว่ากฎหมายฉบับนี้จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรม Fun Economy ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูง อีกทั้งยังเป็นการนำธุรกิจกาสิโนเข้าสู่ระบบที่ถูกกฎหมาย ทำให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีและกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การเปิดให้มีสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโนยังคงเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวในสังคมไทย จึงต้องติดตามผลการรับฟังความคิดเห็นและการพิจารณาของภาครัฐต่อไป
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่า เนื่องจากประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวและสถานบันเทิงหลากหลายประเภทไว้บริการนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่สามารถสร้างงานและสร้างรายได้แก่ประเทศเป็นจำนวนมาก
การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงยังคงถูกควบคุมด้วยกฎเกณฑ์ทางกฎหมายและกฎหมายที่ว่าด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของบ้านเมืองและประชาชน
ในช่วงที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะสถานบริการและสถานบันเทิง ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้รายได้ของประชาชนที่ประกอบอาชีพอยู่ในภาคบริการ และรายได้จากนักท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศลดลงเป็นจำนวนมาก และเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มผ่อนคลายลงจึงเป็นช่วงเวลาอันดีที่จะพิจารณากลไกมาตรการต่างๆ เพื่อเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมกลุ่ม Fun Economy ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมตั้งแต่การท่องเที่ยว กีฬา สถานบันเทิง ธุรกิจ และการประชุมสัมมนาหรือไมซ์ (MICE) ทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการต่อยอด
หนึ่งในแนวทางที่ดำเนินการได้ คือ การสร้างสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อเป็นสถานที่สำหรับประกอบธุรกิจบันเทิงที่มีองค์ประกอบของธุรกิจหลากหลายประเภทรวมกัน เช่น โรงแรม ศูนย์การประชุม ศูนย์การจัดแสดงสินค้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ธนาคาร สวนสนุก สนามกีฬา เป็นต้น ร่วมกับกาสิโน
ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่และสร้างรายได้ให้กับประชาชนและประเทศ และเป็นการทำให้ธุรกิจกาสิโนเข้ามาอยู่ในระบบการบริหารจัดการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ภาครัฐสามารถกำกับดูแลและจัดเก็บภาษีจากสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าวเพื่อเป็นรายได้ของประเทศได้
การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรมีกฎหมายรองรับการดำเนินการ มีมาตรการเพื่อกำกับดูแลผู้ประกอบการ (นักลงทุน) แรงงาน ผู้เล่นทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และมีมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบที่ประชาชนอาจได้รับจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร รวมไปถึงการขยายตัวของนักท่องเที่ยวในอุตสาหกรรมกลุ่ม Fun Economy ซึ่งสร้างรายได้ให้ประชาชนและผู้ประกอบการ และส่งผลให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.