มติสภาฯ 292 เสียง เห็นชอบงบปี67 วงเงิน 1.22 แสนล้าน ลุยแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต

วันที่ 31 ก.ค. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่1 ร่วมสลับทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ในวาระสองและวาระสาม 

นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ กล่าวว่า รัฐบาล มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน ไม่สามารถรองบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2568 ได้ จึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฉบับนี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ โดยเป็นงบประมาณจากภาษี และรายได้อื่น จำนวน 10,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 112,000 ล้านบาท การตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของประเทศ  
 

นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย ได้เสนอตัดลดงบประมาณลง เนื่องจาก กังวลว่า งบประมาณ ที่จะนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้ จะยิ่งทำให้ธุรกิจค้าปลีกกระจุกตัวอยู่เพียงรายเดียว อาจส่งผลเสียงต่อเศรษฐกิจของประเทศ กลายเป็นพายุที่พรากการแข่งขันของธุรกิจรายย่อยออกไปอีก ขอให้รัฐบาล ได้พิจารณาประเมินผล ตั้งแต่ก่อนดำเนินการ ระหว่างดำเนินการ และหลังดำเนินการด้วย

นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอปรับลดงบประมาณเพิ่มเติม เหลือเพียง 10,000 บาท ซึ่งเป็นงบประมาณเท่าที่รัฐบาล จะหารายได้อื่นมาเพิ่มได้ เนื่องจาก รัฐบาลไม่ควรมีการกู้เงินเพิ่มอีกแล้ว ซึ่งแม้จะยังอยู่ในกรอบวินัยการเงิน แต่ก็อยู่ปริ่มเพดานแล้ว ขาดการประมาณการรายได้ที่จะถึงเป้า และแม้รัฐบาล จะยังกู้ได้ ก็จะต้องใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2567 ซึ่งการลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของประชาชน ไม่ได้นับเป็นหนี้ และสัดส่วนรายงานลงทุน ก็จะต้องเป็นไปกฎหมาย รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็ไม่คุ้มค่าที่จะดำเนินการ เพราะจากเดิมที่มีการประเมิน GDP จะสามารถโตได้ 1.2-1.8% แต่เมื่อแหล่งที่มาของเงินเปลี่ยน จึงเหลือเพียง 0.9% จึงสะท้อนว่า โครงการนี้ ไม่ได้มีการประเมินความคุ้มค่าไว้ล่วงหน้า 
 

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ ยืนยันความจำเป็น ที่รัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ในห้วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่มีอัตราการเจริญเติบโตต่ำในระดับภูมิภาค จึงต้องมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ กรณีมีการตั้งข้อสังเกตการกำหนดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ในปีงบประมาณ 2567 จะทันต่อการใช้จ่ายในไตมาสที่ 4 ของปี 2567 หรือเป็นการเริ่มปีงบประมาณ 2568 แล้วนั้น การดำเนินการโครงการของรัฐ และให้ประชาชนลงทะเบียน ถือเป็นงบผูกพัน หรือข้อผูกพันที่รัฐบาลต้องจ่าย ตามกฎหมายที่ว่าด้วยหนี้ภาครัฐ เมื่อประชาชนขอใช้สิทธิรับเงิน 10,000 บาท เมื่อรัฐอนุมัติ ถือเป็นนิติกรรมร่วมกันระหว่างประชาชนกับรัฐ เช่นเดียวกับโครงการอื่นๆ ของภาครัฐ 

การดำเนินการของรัฐบาล เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย มีหน่วยงานภาครัฐมาชี้แจงอย่างครบถ้วน รัฐบาลจึงมั่นใจ นำเสนอร่างงบประมาณฉบับนี้ เข้ามาสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ความคุ้มค่าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นอกจากจะเกิดความเจริญเติบโตทางเศรฐกิจแล้ว ยังมีผลประโยชน์ที่ประชาชนเกือบ 50 ล้านคน จะได้รับเงินไปต่อยอดชีวิต เป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการพัฒนาตลาดเศรษฐกิจดิจิทัล และ E-government ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล จึงคุ้มค่าที่จะเดินหน้าโครงการต่อ 

หลังจาก สส.อภิปราย ครบทั้ง 6 มาตรา ถือว่าจบวาระ 2 ต่อมาที่ประชุมลงมติวาระ 3 ผลปรากฎว่า เสียงสส. ส่วนใหญ่เห็นด้วย 292 เสียง ไม่เห็นด้วย 161 เสียง งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง 

ภายหลังที่ประชุมลงมติให้ความเห็นชอบ นายจุลพันธ์ ขอบคุณที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมยืนยันว่า งบประมาณที่รัฐบาล ได้รับอนุมัติให้นำไปใช้จ่ายในครั้งนี้ จะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ และแผนงาน จะกำกับดูแลติดตามการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าว ให้มีความโปร่งใส บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ด เงินหมุนเวียนในพื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิต และการดำรงชีพ รวมถึงสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของภาคประชาชน และภาคธุรกิจเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และประชาชนต่อไป โดยรัฐบาล มีจุดมุ่งหมายสำคัญ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ต่าง ๆ และยกระดับคุณภาพชีวิต และการดำรงชีพ สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชน และภาคธุรกิจ ควบคู่กับการรักษาระดับการบริโภค และการลงทุนในประเทศ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้ประชาชน ได้รับประโยชน์จากการใช้เม็ดเงินงบประมาณมากที่สุด 

อย่างไรก็ตาม สำหรับขั้นตอนภายหลังสภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นชอบร่างงบประมาณเพิ่มเติมฉบับนี้แล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะได้ส่งร่างงบประมาณฯ ให้วุฒิสภาชุดใหม่ พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป