ย้อนไทม์ไลน์ คดีถอดถอนนายกฯ ก่อนถึงวันนัดชี้ชะตา"เศรษฐา"

คดีถอดถอน นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ปมขาดคุณสมบัติด้านจริยธรรม จากปมแต่งตั้งนายพิชิต ชื่บาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เดินมาถึงบทสรุปสุดท้าย 

ศาลรัฐธรรมนูญ นัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ และลงมติ วันพุธที่ 14สิงหาคม 2567 

โดยตุลาการทั้ง9คน ประกอบด้วย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม  สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ นายนพดล เทพพิทักษ์ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ นัดลงมติเวลา09.00น. 

จากนั้นวันเดียวกัน15.00น. ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดฟังคำวินิจจัย ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ หากนับแต่23 พ.ค. 2567 วันที่ศาลรับคำร้องไว้วินิจฉัย จนถึงวันนัดชี้ชะตา 14 ส.ค. 2567 รวมระยะเวลาดำเนินกระบวนการพิจารณาของศาลใช้เวลา 84 วัน

ประเด็นที่40สว.ยื่นข้อกล่าวหาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคือ ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐาสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ หรือไม่ เพราะเห็นว่าการนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายพิชิตนั้น นายเศรษฐา ทั้งที่รู้ หรือ ควรรู้อยู่แล้วว่า ขาดคุณสมบัติ หรือ มีลักษณะต้องห้าม

เนื่องจากนายพิชิตเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา สิ้นสุดลงได้  

ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ23พ.ค.2567 โดยตุลาการเสียงข้างมาก ได้มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 รับคดีนี้ไว้วินิจฉัยโดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย ประกอบด้วย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ 

และมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ไม่สั่ง นายเศรษฐา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย ประกอบด้วย นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียนและนายจิรนิติ หะวานนท์ 

ระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ ฝ่ายสว.ในฐานะผู้ร้องยื่นพยานบุคคล3ปาก นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม นายสมชาย แสวงการ นายประพันธุ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภาในขณะนั้นก่อนจะมีการเลือกสว.67

ขณะที่นายเศรษฐา ผู้ถูกร้องได้จัดส่งเอกสารหลักฐานชี้แจงศาลเมื่อ 4 ก.ค.2567 และส่งรายชื่อพยานเพิ่ม 1 ปากคือ นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เนื่องจากรู้เห็นกระบวนการแต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ 

ยังไม่อาจทราบได้ว่าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาไปในทิศทางใด

นายกเศรษฐาจะรอดหรือไม่รอด ปมขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีหรือไม่

กรณีหากนายเศรษฐาได้ไปต่อ ก็หมายความว่า ภาวะทางการเมืองไม่เกิดแรงสั่นสะเทือน นโยบายรัฐบาลจะถูกขับเคลื่อนในข้างหน้า โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต10,000 บาท ซึ่งเป็นเรือธงของรัฐบาล

ทางกลับกับหากนายเศรษฐา หลุดจากตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 และจะส่งผลให้คณะรัฐมนตรีหลุดไปทั้งคณะ สภาผู้แทนราษฎร จะทำหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ดังนั้น 14สิงหาคม 2567 จึงเป็นการกำหนดชะตาและทิศทางการเมืองไทยด้วยประการฉะนี้

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.