รัฐบาลเศรษฐาไม่ตัดงบกองทัพหนุนซื้ออาวุธทัดเทียมเพื่อนบ้าน

มีรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐนตรี พร้อม นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นัดหารือเป็นการภายใน ร่วมกับผู้บัญชาการ 4 เหล่าทัพ ได้แก่ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบกพล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ 

ตามรายงานการนัดหารือกันในวันนี้ จะเน้นการรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะกับทางกองทัพบกให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดการประสานความร่วมมือการขับเคลื่อนงานของรัฐบาล และกองทัพ โดยเฉพาะสอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมือง ก่อนนำมาบรรจุไว้ในนโยบาย ร่วมกับนโยบายของ 11 พรรคการเมือง และตามหมุดหมายรัฐบาลจะแถลงนโยบายในวันที่ 11 กันยายนนี้  

ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า หลังหารือร่วมกับผู้บัญชาการ 4 เหล่าทัพแล้ว นายสุทิน มีกำหนดการเดินทางเข้าพบอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาทิ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต,พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร,พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอคำแนะนำในการทำงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้าพบพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยาแล้ว

นอกจากนี้ นายสุทิน ยังเตรียมที่จะเข้าพบนักวิชาการด้านความมั่นคง อาทิ ศาสตราจารย์สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยก่อนหน้านี้ได้หารือกับนายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี ประจำพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนั้นยังมีรายงานว่าตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม ซึ่งตามรายงานหนึ่งในนั้นมีชื่อของ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหมด้วย

ทั้งนี้ รายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่าก่อนหน้านี้ได้เคยมีการพูดคุยกันในเรื่องการทำงานระหว่างรัฐบาลและกองทัพมาบ้าง โดยนายเศรษฐามีนโยบาย พร้อมจะทำงานกับกองทัพในฐานะรัฐบาลพลเรือน ที่พร้อมรับฟังคำแนะนำต่างๆ 

อีกทั้ง ในเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ รัฐบาลก็พร้อมสนับสนุนจะไม่ตัดงบประมาณดังกล่าวหากมีความจำเป็น เพราะเข้าใจดีว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ถือเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะปกป้องประเทศโดยเฉพาะตามแนวชายแดนต่างๆที่จำเป็นต้องมีทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน

ด้งนั้น หากมีการเจรจาในเรื่องนี้จะขอให้ทางกองทัพนำเสนอสินค้าภายในประเทศไทยที่มี เพื่อแลกเปลี่ยนหรือไปจำหน่ายกับประเทศนั้นๆ ในลักษณะการแลกเปลี่ยนหรือ บราเธอร์(barter)ระหว่างกัน ซึ่งก็จะทำให้สินค้าที่เรามีอยู่สามารถมีช่องทางเพิ่มในทางการตลาดกับต่างประเทศได้อีกทางหนึ่ง
 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.