เศรษฐาเชื่องบรายจ่ายปี67มาผลงานเปรี้ยงย้ำต้องฟังโพลเป็นกระจกสะท้อนได้
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงผลสำรวจความนิยมล่าสุดพบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีถูกเลือกเป็นอันดับหนึ่งที่ผู้ตอบแบบสอบถามอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี และนายเศรษฐา อยู่ในลำดับที่ 3 ว่า ก็ต้องรับฟังโพล เพราะสะท้อนความคิดของประชาชน แต่การทำโพลมีหลายแบบ เช่นในพื้นที่ต่าง ๆ มีความไม่แน่นอน พร้อมยกกลุ่มตัวอย่างที่มีความคลาดเคลื่อนได้ หรืออาจจะไม่ได้เป็นกระจกสะท้อนความเป็นจริง
อย่างไรก็ตามก็ถือเป็นโพลหนึ่งซึ่งต้องรับฟังและมีหน้าที่ที่ต้องทำต่อไป ถึงแม้จะทำงาน 6-7 เดือนแล้วก็ตาม อีกทั้งงบประมาณปี 2567 ก็เพิ่งผ่านการพิจารณาสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันศุกร์นี้เอง ซึ่งก็จะใช้ระยะเวลาอีกเดือนหนึ่งกว่าจะใช้งบประมาณได้ อย่างในวันนี้อสม.ก็เพิ่งทราบว่างบประมาณเพิ่งผ่าน ก็จะได้เงินค่าตอบแทนเพิ่ม ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่พอใจรัฐบาลก็ได้ แต่หารู้ไม่ว่าที่จริงแล้วมีขั้นตอน ทางสภาฯ เรื่องการอนุมัติงบประมาณ ซึ่งตนก็ยอมรับว่าต้องตั้งใจทำงาน และรับฟังเสียงของประชาชนเป็นหลัก
ส่วนที่ผ่านมาพอใจการทำงานของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ไม่ ผมไม่พอใจการทำงานของตัวเอง ไม่พอใจการทำงานของรัฐมนตรีทุกท่าน เพราะทุกอย่างทำให้ดีขึ้นได้อีก เพราะอันนี้คือชีวิตจริง ต้องไม่พอใจเรื่องพวกนี้ เพราะความเดือดร้อนของประชาชนยังมีอยู่ ในทุกเรื่องตัวเราเองต้องพยายามทำต่อ ถึงได้ลงมาในพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน จะได้นำไปปรับวิธีการทำงาน"
นายเศรษฐา ยังยืนยันว่า มั่นใจหลังงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ผ่านการพิจารณาที่ประชุมสภาฯ การทำงานจะเปรี้ยงขึ้นกว่า
ส่วนจะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ เพื่อทำให้เกิดกระแสขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่อยากใช้คำว่าอิงกับกระแส แต่ว่าเรื่องเสียงสะท้อนทุกอันต้องรับฟัง และต้องมีการปรับกลยุทธ์ แต่ไม่ใช่ปรับเพื่อให้กระแสดีขึ้น เป็นการปรับกลยุทธ์ เพื่อให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ปรับกลยุทธ์ให้เศรษฐกิจดีขึ้น ปรับกลยุทธ์เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและเท่าเทียมดีขึ้น มีการปรับตลอด
ทั้งนี้ ต้องเน้นเรื่องการประชาสัมพันธ์ หรือไม่เนื่องจากที่ผ่านมาทำงานแทบทุกวัน ไม่มีวันหยุดแต่หลายผลงานประชาชนอาจไม่เห็น ทำให้ผลสำรวจออกมาเป็นเช่นนี้ นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ซึ่งทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทีมสื่อสาร คงเอาข้อมูลมาวิเคราะห์กันอีกทีว่าตรงไหนเราพูดน้อยเกินไปหรือไม่ เราทำเรื่องเยอะเกินไปหรือเปล่า เราเปิดงานเยอะเกินไปหรือเปล่า เราต้องโฟกัสบางเรื่องให้เยอะขึ้นหรือไม่ ทำเรื่องที่จะโดนใจประชาชน
นอกจากนี้ การที่รัฐมนตรี 5-6 คนมาลงพื้นที่ ก็พยายามที่จะผลักดัน วิธีการแก้ไขปัญหาของประชาชน และเชื่อว่ามาโคราชอีกครั้ง ช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ น่าจะมีผลงานคืบหน้าได้ เพราะงบประมาณแล้วออกแล้ว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.