นายกสั่งลดงบพีอาร์-ดูงานตปท.ในงบปี 68 สะเทือนภารกิจเซลล์แมนประเทศไทย?

หลังจาก สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 6 มีนาคม 2567 ถึงรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และทุกหน่วยงานราชการ โดยระบุถึงข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แจ้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา ขอให้ทุกส่วนราชการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และซับซ้อนในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เนื่องจากงบประมาณรายจ่ายประจำยังคงมีสัดส่วนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับงบประมาณรายจ่ายลงทุน จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาปรับลดงบประมาณรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น งบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ งบประมาณด้านการฝึกอบรมและดูงาน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายในการเช่ายานพาหนะ โดยให้ใช้การส่งเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือการจัดประชุมผ่านระบบออนไลน์ ให้มากขึ้น พื่อจะได้นำงบประมาณในส่วนที่ปรับลดลงนี้ไปจัดสรรเป็นงบประมาณรายจ่ายลงทุน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2566 ก็ได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศหลายครั้ง หลังประกาศตัวเป็น "เซลส์แมนประเทศไทย" เพื่อเดินสายเจรจาดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ จนถึงปัจจุบัน สรุปได้ดังนี้

วันที่ 18-24 ก.ย.2566 นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (78th Session of the United Nations General Assembly: UNGA78) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

วันที่ 28 ก.ย.2566 เดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา พบกับสมเด็จฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา เพื่อแนะนำตัวในโอกาสรับตำแหน่งใหม่

วันที่ 8-9 ต.ค.2566 เดินทางไปพบผู้บริหารและนักธุรกิจของฮ่องกง

วันที่ 10-12 ต.ค.2566 เยือนเพื่อนบ้านอาเซียน ประเทศบรูไน มาเลเซีย และสิงคโปร์

วันที่ 16-18 ต.ค.2566 เดินทางไปประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อร่วมประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF ครั้งที่ 3

วันที่ 19-21 ต.ค.2566   เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ที่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

วันที่ 29-30 ต.ค.2566  เยือน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

วันที่ 12-19 พ.ย.2566  ร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

วันที่ 14-19 ธ.ค.2566 ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียว

15-19 ม.ค.2567 เข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ประจําปี 2567 ที่นครซูริก สมาพันธรัฐสวิส

3-4 ก.พ.2567 เข้าประชุมงาน Sri Lanka – Thailand Business Forum ณ กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา

4-14 มี.ค.2567 เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ และเดินทางต่อไปยังสหพันธรัฐเยอรมนีและฝรั่งเศส

 

ซึ่งหากนับตั้งแต่วันเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 จนถึงวันสิ้นสุดทริปเดินทางเยือนฝรั่งเศสในวันที่ 14 มีนาคม 2567 นายเศรษฐา จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรวมทั้งสิ้น 205 วัน (โดยไม่นับวันหยุดหรือวันลา) ในจำนวนนี้ ได้ใช้เวลาเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศถึง 53 วัน หรือกว่า 1 ใน 4 ของระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง

แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายกรัฐมนตรี เดินทางไปต่างประเทศบ่อยเกินไป ในขณะที่ยังมีปัญหาในประเทศหลายอย่างที่รอการแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ยังซบเซา แต่ น.ส.ชญาภา สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า การเดินทางไปราชการต่างประเทศของนายกฯ ได้พบปะหารือผู้นำนานาประเทศและภาคเอกชนจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายที่จะประกาศว่าประเทศไทยพร้อมเปิดรับการลงทุนเต็มที่ สามารถสร้างความเชื่อมั่น และเชิญชวนบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างชาติมาลงทุนได้ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ โดยที่ยังไม่ต้องใช้งบก้อนใหญ่จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 67

ต้องจับตาว่า หนังสือสั่งการของนายกรัฐมนตรีฉบับล่าสุดนี้ จะกระเทือนภารกิจเดินทางไปต่างประเทศของตัวนายเศรษฐาเองด้วยหรือไม่?

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.