สืบค้นเรื่องค้างเก่า'ยิ่งลักษณ์'ปมมติจัดสรรไฟฟ้าให้เอกชน

กรณีนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่า ขณะนี้ในชั้นป.ป.ช.มีคดีกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เหลือเพียงเรื่องเดียวคือสมัยดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้มีมติเห็นชอบเรื่องการจัดสรรพลังงานไฟฟ้าให้กับเอกชนอยู่ระหว่างการไต่สวนของอนุกรรมการไต่สวน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ศาลฎีกาแผนกคดีนักการเมืองได้พิพากษายกฟ้องคดีจัดอีเวนต์ 240ล.ยกฟ้องคดีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสมช.โดยไม่เป็นธรรมและพิพากษาจำคุก5ปีคดีจำนำข้าว

จากการสืบค้นกรณีดังกล่าวพบว่าการจัดสรรพลังงานไฟฟ้าให้กับเอกชน ที่อยู่ในชั้นอนุกรรมการไต่สวนคือสัญญาซื้อไฟฟ้า 5,000 เมกะวัตต์ในสมัยรัฐบายยิ่งลักษณ์ ซึ่งที่ประชุมคณะคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อวันที่8มิ.ย.2555 (คลิ๊กอ่าน)  มีมติให้เปิดรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer: IPP) รอบใหม่ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) คัดเลือกและเจรจาเพื่อจัดทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกฟผ.กับบริษัท กัลฟ์ เอนเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และบริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนิ (ไทยแลนด์) จำกัด รวมกำลังการผลิต 5,000 เมกะวัตต์ (คลิ๊กอ่าน)

ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ชี้แจงว่าในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ปี พ.ศ. 2555 เศรษฐกิจเติบโตถึง 7.2% คาดการณ์ว่าในปี 2556เศรษฐกิจจะโตกว่า 10%จึงต้องเตรียมพลังงาน รองรับการเจริญเติบโตเศรษฐกิจ ที่ประเมินไว้ว่าจะขยายได้ปีละ 5% จึงต้องประมูลเพื่อให้มีไฟฟ้าใช้เพียงพอ ส่วนสัญญาทำไมถึงอิงกับเอกชนเพราะเวลาคนสร้างโรงไฟฟ้าลงทุนสูง ถ้าสร้างแล้วรัฐไม่ซื้อก็เจ๊งเพราะการทำโรงไฟฟ้าต้องใช้ต้นทุนสูงรัฐก็ต้องมีมาตรการจูงใจให้เกิดการลงทุน 

ทั้งนี้ การจัดสรรพลังงานไฟฟ้าให้กับเอกชน ถือเป็นหนึ่งในนโยบายพลังงานที่อยู่ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อ 23 สิงหาคม 2554 (คลิ๊กอ่าน)