อ่านคำพิพากษา(ฉบับเต็ม)ยกฟ้องยิ่งลักษณ์กับพวกคดีจัดอีเวนต์240ล.

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อ่านคำพิพากษาคดี หมายเลขดำที่ อม.๒/๒๕๖๕ คดีหมายเลขแดงที่ อม.๕/๒๕๖๗ ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โจทก์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ 3นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ที่ ๒ นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ ที่ ๓ บริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) ที่ ๔ บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ที่ ๕ นายระวิ โหลทอง ที่ ๖ จำเลย

คดีนี้เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๕ โจทก์ยื่นฟ้องว่า เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗ จำเลยที่ ๓ ขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ดำเนินการเสนอโครงการ Roadshow ที่มิใช่กรณี เร่งด่วน โดยจำเลยที่ ๒ ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ลงนามผ่านเรื่อง

แล้วจำเลยที่ ๑ ขณะดำรง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใช้ดุลพินิจบิดผันสั่งอนุมัติงบกลาง โดยเจตนาร่วมกันกำหนดให้จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ เป็น ผู้รับจ้างจัดโครงการ โดยจำเลยที่ ๓ เสนอจำเลยที่ ๒ เพื่อขออนุมัติจัดจ้างการดำเนินการโครงการดังกล่าวโดยวิธีพิเศษ อันเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ นอกจากนี้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ยังร่วมกันดำเนินการเพื่อให้คณะรัฐมนตรี
มีมติยกเว้นการลงนามในสัญญาก่อนได้รับเงินประจำงวดทั้งที่ไม่เข้าเงื่อนไขอันจะได้รับการยกเว้น เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวนเงิน ๒๓๙,๗๐๐,๐๐๐ บาท

โดยจำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๖ เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑,๑๕๗ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/ ๑ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๖๑ มาตรา ๑๙๒ และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.
๒๕๔๒ มาตรา ๑๒, ๑๓ ลงโทษจำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๖ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑, ๑๕๗ ประกอบ มาตรา ๘๖ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๙๒ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔, ๑๒, ๑๓ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๘๖ กับนับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อม.๒๑๑/๒๕๖๐ ของศาลนี้

โจทก์ยื่นฟ้องกรณีไม่ปรากฏตัวจำเลยที่ ๑จำเลยที่ ๓ ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องตันว่า ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้สั่งไม่ประทับรับฟ้อง

องค์คณะผู้พิพากษามีคำสั่งไม่ประทับรับฟ้องข้อหาเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดซื้อโดยใช้อำนาจใน ตำแหน่งโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ โดยเห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่า จำเลยทั้งหกเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ดังกล่าว ส่วนข้อหาอื่นให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณาโจทก์อุทธรณ์คำสั่งไม่ประทับรับฟ้องดังกล่าว
เมื่อวันที่ ๒0 ธันวาคม ๒๕๖๕ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยองค์คณะชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ พิพากษายืนจำเลยที่ ๑ ไม่มาศาล ถือว่าจำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ให้การปฏิเสธ

ศาลไต่สวนพยานโจทก์นัดแรกเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๖ นัดไต่สวนพยานจำเลยนัดสุดท้ายวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๖ คู่ความขอแถลงปิดคดีภายใน ๖๐ วันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ดำเนินการนำงบกลางจำนวน ๔,-๐0,0๐0 บาท มาจัดทำโครงการ Roadshow ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า โครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมของประเทศ และโครงการ Roadshow เป็นการดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติให้รัฐสภาเท่านั้นตรวจสอบการกระทำของรัฐบาล

ศาลจึงไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยถึงดุลพินิจของฝ่ายบริหารในการกำหนดนโยบายดังกล่าว แต่การใช้งบประมาณเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลนั้น ย่อมต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบและมติ คณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง สำหรับคดีนี้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ กำหนดแนวทางปฏิบัติกรณีขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น ดังนี้ ศาลย่อมมีอำนาจ

ตรวจสอบขั้นตอนปฏิบัติว่าจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ได้ดำเนินการใดที่ไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวอันถือเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย โดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและทางราชการ หรือโดยทุจริตหรือไม่

พยานหลักฐานได้ความว่า กำหนดเวลาเริ่มดำเนินโครงการ Roadshow เกิดขึ้นจากการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งมิใช่เป็นการตัดสินใจของจำเลยที่ ๑ เอง และมีได้กำหนดเวลากระชั้นชิดเพียงเพื่อให้เป็นเหตุอ้างใช้งบกลาง เมื่อกรณีไม่อาจใช้ทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มาดำเนินโครงการ Roadshow ได้ตามที่ได้กำหนดเวลาไว้ ถือ
ได้ว่าเป็นการกระทำในกรณีมีความจำเป็นและเร่งด่วนต้องใช้จ่ายงบประมาณ

ขณะที่จำเลยที่ ๑ มีคำสั่งอนุมัติงบกลางเมื่อวันที่ 6๕ กันยายน ๒๕๕๖ ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเป็นยุติว่า ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของ ประเทศ พ.ศ. ขัดต่อรัฐธรรมนูญ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ งของประเทศได้ผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานฝ่ายบริหารและผ่านมติคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีข้อทักท้วง ประกอบกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมีความเห็นว่าเห็นสมควรที่นายกรัฐมนตรีจะอนุมัติงบกลางนี้ได้ กรณีย่อมมี
เหตุผลเพียงพอให้จำเลยที่ ๑ เชื่อโดยสุจริตว่าสามารถอนุมัติได้ จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ ได้ใช้ดุลพินิจกระทำไปบนพื้นฐานของข้อมูลและข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ในขณะนั้น

แม้ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยที่ ๓ - ๔/๒๕๕๗ ว่า ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจ
กระทรวงการคลังกู้เงินฯ ตราขึ้นโดยไม่ใช่กรณีจำเป็นเรงด่วน ก็เป็นเพียงการวินิจฉัยถึงความชอบของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเท่านั้น ทั้งยังเป็นการวินิจฉัยภายหลังเกิดเหตุโดยมิได้วินิจฉัยถึงความรับผิดทางอาญาซึ่งต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานในคดีนี้ เมื่อจำเลยที่ ๑ ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเป็นประการใด

ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ มีเจตนาเล็งเห็นผลว่าโครงการ Roadshow ไม่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน แม้โครงการ Roadshow จะดำเนินการในพื้นที่เดียวกันกับโครงการกระทรวงคมนาคม แต่ก็เป็นเพียงพื้นที่ 6 จังหวัดแรก ทั้งโครงการ Roadshow มีภารกิจครอบคลุมมากกว่า ถือไม่ได้ว่าเป็นโครงการที่ซ้ำซ้อนกัน

สำหรับจำเลยที่ ๒ ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ มีส่วนร่วมหรือแนะนำโดยมิชอบเพื่อให้จำเลยที่ ๑ อนุมัติงบกลางอย่างไร จำเลยที่ ๒ จึงเป็นแต่เพียงผู้ทำหน้าที่พิจารณาแล้วผ่านเรื่องเสนอไปยังจำเลยที่ ๑ ตามลำดับชั้นเท่านั้น ส่วนจำเลยที่ ๓ เพิ่งทราบว่าต้องขอใช้งบกลางจากการเสนอตามลำดับชั้นของข้าราชการผู้ปฏิบัติงาน จึงเป็นเพียงการดำเนินการตามหน้าที่เท่านั้น

ดังนี้ การที่จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เสนอให้จำเลยที่ ๑ อนุมัติใช้งบกลาง และจำเลยที่ ๑ อนุมัติใช้งบกลางจำนวน ๔๐,๐๐๐,000 บาท มาดำเนินการโครงการ Roadshow จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี

ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ร่วมกันตกลงให้จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ เป็นผู้รับจ้างจัดทำโครงการ Roadshow ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนเริ่มการจัดจ้างหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งการให้สำนักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรีจัดทำโครงการ Roadshow จึงเป็นเรื่องปกติที่จำเลยที่ ๑ จะสั่งให้แก้ไขรูปแบบของงาน จำเลยที่ ๑มิได้เป็นผู้ริเริ่มให้จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ เข้ามานำเสนองาน ไม่ปรากฎว่ารูปแบบงานได้กำหนดรายละเอียด คุณลักษณะเฉพาะอย่างใดที่เป็นการเอื้อประโยชน์แก่จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ โดยเฉพาะเจาะจงหรือกีดกันผู้เสนอราคา รายอื่น ที่จำเลยที่ ๔ มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยขอความอนุเคราะห์ให้แต่ละจังหวัดอำนวยความสะดวก และจำเลยที่ ๑ เป็นประธานแถลงข่าวงานโครงการ Roadshow โดยมีพนักงานของจำเลยที่ ๔ และที่ ๕ ช่วยประสานงานกับสื่อมวลชน รวมทั้งจำเลยที่ ๔ เป็นผู้ออกแบบรูปแบบในการจัดงานแถลงข่าวและโลโก้สร้าง อนาคตไทย ๒๐๒๐ นั้น ก็มิใช่เป็นการกระทำของจำเลยที่ ๑ และไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจ หรือให้การรับรองการดำเนินการ ทั้งเป็นรายละเอียดในขั้นตอนการปฏิบัติงาน จึงไม่อยู่ในวิสัยที่จำเลยที่ ๑ จะทราบข้อเท็จจริงได้ทั้งหมด

สำหรับจำเลยที่ ๒ มิได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ Roadshow โดยตรง
ส่วนจำเลยที่ ๓ นั้น ปรากฎว่าแนวทางการสรรหาเอกชนมาดำเนินการโครงการ Roadshow เป็นข้อสรุปร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ โครงการของกระทรวงคมนาคมก็เคยจ้างเอกชนมาดำเนินโครงการ จึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ การที่จำเลยที่ ๓ แจ้งให้จำเลยที่ ๔ และที่  ไปรวบรวมผลงานในอดีตมาเสนอ เป็นเรื่องที่ จำเลยที่ ๓ ต้องรับผิดชอบตรวจสอบก่อนเสนอต่อที่ประชุม ทั้งการที่จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ ก็จัดทำรูปแบบของงานมาเสนอต่อที่ประชุม เป็นการกระทำโดยเปิดเผยแก่บุคคลอื่นเป็นจำนวนมาก โดยจำเลยที่ ๓ มิได้กระทำการ
อันใดในลักษณะที่เป็นการชี้นำหรือจูงใจหรือให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ ทั้งข้อเท็จจริงได้ความว่าไม่มีบุคคลใดสั่งการให้เลือกจำเลยที่ ๔ และที่ ๕ เป็นผู้รับจ้างพยานหลักฐานทางไต่สวนจึงรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ กำหนดตัวบุคคลให้เป็นผู้รับจ้างไว้ล่วงหน้า
ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการอนุมัติจัดจ้างโครงการ Roadshow โดยวิธีพิเศษตามฟ้องหรือไม่ เห็นสมควรวินิจฉัยวงเงิน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐บาท ก่อน

สำหรับจำเลยที่ ๑ นั้น ไม่ปรากฎว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนจำเลยที่ 6 ไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 6 เป็นผู้ริเริ่มให้ดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ แต่เป็นการเสนอของเจ้าหน้าที่ตามลำดับชั้นโครงการ Roadshow กำหนดเริ่มดำเนินงานตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ และจำเลยที่ ๓ เสนอเรื่องต่อจำเลยที่ ๒เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ จึงไม่อาจใช้วิธีการประกวดราคา ทั้งหัวหน้าฝ่ายพัสดุ เกษียนข้อความรับรองว่า ตรวจแล้ว ถูกต้องตามระเบียบพัสดุ กรณีมีเหตุเพียงพอให้จำเลยที่ ๒ พิจารณาได้ว่าเป็นงานที่ต้องกระทำโดย
เร่งด่วน หากล่าช้าอาจจะเสียหายแก่ราชการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ๒๔ (๓) เช่นนี้ แม้จำเลยที่ 6 สั่งอนุมัติภายในวันเดียวก็ไม่ถือว่าเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ กรณีจึงมีเหตุที่จะทำให้จำเลยที่ ๒ เชื่อโดยสุจริต จึงขาดเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

สำหรับจำเลยที่ ๓ นั้น เห็นว่า ขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นหน้าที่และอำนาจของจำเลยที่ ๓ ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการ แต่เป็นกรณีการจัดซื้อจัดจ้างในวงเงินเกินอำนาจอนุมัติของจำเลยที่ ๓ จึงต้องเสนอจำเลยที่ ๒ พิจารณา ดังนี้ การที่จำเลยที่  ไม่ได้เสนอเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างต่อคณะกรรมการบูรณาการการ ประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างอนาคตประเทศไทย จึงมิใช่เป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบ

ส่วนที่คณะกรรมการกำหนดราคากลางนำข้อเสนอราคาของจำเลยที่ ๔ มาใช้ในการกำหนดราคากลางนั้นเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดราคากลางเอง โดยไม่ปรากฏว่ามีการคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่สุจริตหรือมีผู้ใดสั่งการหรือแทรกแซงการกำหนดราคากลางและคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษให้ต้องเลือกจำเลยที่ ๔ เป็นผู้รับจ้างแต่อย่างใด ทั้งเมื่อจำเลยที่ ๓ ทราบเรื่องก็ยังมีคำสั่งให้ชะลอการจ่ายเงินค่าจ้างแก่จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ ไว้ก่อนประการสำคัญที่สุดหลังเกิดเหตุรัฐประหาร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้น คณะกรรมการดังกล่าวก็เห็นว่าขั้นตอนการดำเนินโครงการ Roadshow เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงอนุมัติเบิกจ่ายเงิน สอดคล้องกับที่คณะกรรมการสอบสวน

ข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่กระทำละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๓ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนโครงการ Roadshow อีก ๑๐ จังหวัด วงเงิน ๒๐๐,๐๐,๐๐๐ บาท ก็ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะใช้
วิธีการประกวดราคาได้ กรณีจึงมีเหตุผลเพียงพอให้จำเลยที่ ๒ เข้าใจได้ว่าการจัดจ้างโครงการ Roadshow อีก ๑๐ จังหวัด เข้าเงื่อนไขตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๒๔ (๓) เช่นกัน

ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ร่วมกันดำเนินการให้มีการอนุมัติลงนามในสัญญาจ้างก่อนได้รับเงินประจำงวด โดยไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ (ที่ใช้บังคับขณะเกิดเหตุ) หรือไม่ เห็นว่า ที่มาของการดำเนินการดังกล่าวมิใช่เกิดจากการกระทำเพื่อแก้ไขความผิดพลาดของจำเลยที่ ๓ เอง

แต่การที่จำเลยที่ ๓ ต้องเสนอจำเลยที่ ๒ ลงนามในหนังสือไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีนั้น เกิดจากความจำเป็นต้องปฏิบัติไปตามที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ กรมบัญชีกลาง มีหนังสือแจ้ง และด้วยเหตุนี้ ย่อมเป็นเหตุผลให้จำเลยที่ ๒ จำเป็นต้องมีหนังสือไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี การกระทำของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ในขั้นตอนนี้จึงมิได้เป็นการกระทำโดยมิชอบ

ส่วนที่จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีและลงมติเมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๗ ด้วย ก็เพราะการอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันก่อนได้รับอนุมัติเงินประจำงวด เป็นดุลพินิจและอำนาจของคณะรัฐมนตรีโดยเฉพาะตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๒๓ วรรคสี่ ไม่ปรากฎว่าการใช้ดุลพินิจของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ผิดกฎหมายหรือระเบียบ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ใช้ดุลพินิจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ปัญหาประการสุดท้ายมีว่า จำเลยที่ ๔ ถึงที่ - ร่วมกันสนับสนุนจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ในการกระทำ ความผิดตามฟ้องหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงทางไต่สวนรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ กระทำความผิดดังวินิจฉัยแล้ว จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๖ เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด ส่วนที่จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ แบ่งจังหวัดเพื่อจัดทำงานนำเสนอ (Presentation) เป็นขั้นตอนก่อนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง จึงไม่ถือว่าเป็นการตกลงร่วมกันเสนอราคาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๔ ดังนั้น จำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๖ จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง

องค์คณะผู้พิพากษามีมติเอกฉันท์ให้พิพากษายกฟ้อง.

 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.