พิชิต วอน อย่าใช้อคติโยง พักโทษทักษิณ-คดี112 ไม่สบายใจ อัยการจ้องถ่ายรูป
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อครหาต่างๆที่เกิดขึ้นหลัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ ว่า เรื่องการพักโทษเป็นอำนาจฝ่ายบริหาร ขณะนี้กระบวนการยุติธรรมจบลงแล้ว ตั้งแต่ศาลออกใบแดงแจ้งโทษ ตอนนี้เข้าสู่กระบวนการพักโทษ บริหารโทษ เป็นอำนาจของกระทรวงยุติธรรม ขอให้แยกตัวบุคคลออกจากองค์กร หากมองการพักโทษไม่ถูกต้อง ควรใช้เวทีสภาฯตั้งกระทู้ถาม เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไปตรวจสอบกันในสภาฯว่า เป็นไปตามระเบียบหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคม ดีกว่ามาเลือกที่รักมักที่ชัง และมีอคติต่อกัน การพักโทษของนายทักษิณ ไม่ได้เป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม
ถามว่าคดีตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นายพิชิต กล่าวว่า ตอนนี้นายทักษิณได้เข้าสู่ กระบวนการยุติธรรมแล้ว ในเวลาที่เหมาะสม แม้ไม่สะดวกต้องนั่งวีลแชร์ไปก็ไป เริ่มนับหนึ่งเข้าพบอัยการ เพราะเป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร อย่านำ 2 เรื่องนี้มาปนกัน ในฐานะนักกฎหมาย รู้สึกไม่สบายใจ อยากให้สังคมตั้งหลัก ระหว่างการพักโทษกับการดำเนินคดีเก่าที่ค้างอยู่ ซึ่งนายทักษิณ ก็เข้าสู่กระบวนการอย่างไม่อิดออด นายทักษิณ ไม่ได้ถูกอายัดตัว เข้าพบอัยการสูงสุดเอง และได้รับการประกันตัว
ส่วนข้อสงสัยเรื่องอาการของนายทักษิณ ป่วยวิกฤตจริงหรือไม่ นายพิชิตกล่าวว่า ต้องยึดหลักเกณฑ์ของการพักโทษว่าป่วยระดับไหน ไม่จำเป็นจะต้องโคม่า แต่จะมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเรื่องสุขภาพ เรื่องป่วยจริงหรือไม่จริง อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาวัด แต่ส่วนตัวไม่ทราบว่า คุณทักษิณ ป่วยเป็นอะไร และเมื่อทุกคนรู้ว่าเป็นผู้ป่วย ไม่ควรไปตรวจสอบ ให้เป็นเรื่องของแพทย์ ไม่สบายใจที่นายทักษิณไปมอบตัว มีอัยการท่านหนึ่งพยายามจะถ่ายรูป ขอให้เป็นไปตรวจสอบว่าเป็นใคร ซึ่งตนไม่รู้วัตถุประสงค์ว่าถ่ายไปทำไม
เมื่อถามว่า ตามขั้นตอนไม่จำเป็นต้องถ่ายรูปใช่หรือไม่ นายพิชิตกล่าวว่า ไม่ควรถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง แต่มีอัยการท่านหนึ่งพยายามทำ ตนไม่สบายใจ ท่านควรรู้ว่ามันผิดกฎหมาย ไม่ใช่ละเมิดสิทธิ์
เมื่อถามว่า หลายคนสงสัยเรื่องการไม่ติดกำไล EM นายพิชิต กล่าวว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการพักโทษ
เมื่อถามว่า อยากให้เข้าสู่กระบวนการทางสภาฯ เหตุใดหลายกรรมาธิการเชิญมา แต่ไม่ให้ข้อมูลเรื่องอาการป่วย และผู้มาชี้แจงอ้างว่า ผู้ป่วยไม่ยินยอมให้เปิดเผย นายพิชิต เชื่อว่า ในที่สุดแล้ว ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด รอให้ถึงวันนั้นประชาชน จะเป็นผู้ตัดสินใจเอง
"ถึงบอกให้เห็นใจ ดร.ทักษิณ เถอะครับ ท่านอายุ 70 กว่าแล้ว แล้วต้องเข้าสู่กระบวนการรับโทษ และกระบวนการยุติธรรมในคดีที่ค้างอยู่ ความรู้สึกของผม ในฐานะผู้ที่มีส่วนในการทำงาน ถือว่าท่านเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ง่ายมาก ต่างจากคนอื่น และต้องมาตัดสินใจในยามที่ท่านต้องอยู่กับครอบครัว อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวเลยครับ ขอให้ยึดหลักเกณฑ์ การกล่าวหาว่า ทำลายกระบวนการยุติธรรม ต้องแยกเรื่อง มันสามารถตรวจสอบได้ว่าการพักโทษ คือการบริหารโทษ เพราะฉะนั้นบรรดานักโทษที่ได้รับการลดโทษจำคุก 20 ปี 30 ปี ติดกันไม่เคยครบ คนเหล่านั้นก็ทำลายกระบวนการยุติธรรมหมดสิครับ"นายพิชิตกล่าว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.