ชิงหัวหน้าพรรคปชป. เดือด อภิสิทธิ์ลาออกจากพรรค เดินออกห้องประชุมทันที!
การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 9.30น. โดยแกนนำ สส. รวมถึงสมาชิกพรรค ได้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
บรรยากาศการประชุมประชุมเป็นที่น่าสังเกตว่า แกนนำพยายามสยบภาพความขัดแย้งในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะ นายชวน หลีกภัย นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ ได้นั่งเคียงข้างกับอีกกลุ่มคือ นายชัยชนะเดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รวมถึงนายเดศอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ขณะที่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคและรักษาการเลขาธิการพรรคได้นั่งในลำดับถัดไป โดยทันทีที่มาถึงนายเฉลิมชัย ได้เข้าไปสวัสดีทักทายผู้ใหญ่พรรค อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐานสส.บัญชีรายชื่อ
ทั้งนี้หลังจากที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมใหญ่ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 8ก.ค.2566 จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคโดยเริ่มที่นายชวน ได้เสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยเห็นว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้คนที่เลือกมาต้องไม่ด้อยไปกว่าพรรคอื่น ทั้งนี้มั่นใจว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ด้อยกว่าใครในเวลานี้มั่นใจว่านายอภิสิทธิ์จะนำพรรคไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย พร้อมเชื่อว่าสถานกาณ์นี้นำไปสู่ความก้าว
จากนั้นได้เปิดให้สมาชิกยกมือรับรอง ผลปรากฎว่า มีสมาชิกให้การรับรอง169 คน ถือว่าให้การรับรองครบถ้วนตามข้อบังคับ จึงถือว่านายอภิสิทธิ์ เป็นผู้ถูกเสนอชื่อ
นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ถ้าจะพูดถึงความอยากจะเป็น ไม่เคยคิดว่าอยากเป็นความต้องการส่วนตัวแต่มองถึงอนาคตพรรค ที่ผ่านมาตนถูกพาดพิงทางสาธารณะมาโดยตลอด 4ปีหลังแสดงจุดยืนที่ไม่ตรงกับจุดยืนพรรค นั่นคือการไม่สนับสนุนการร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บทบาทของตนหลังจากนั้นจึงต้องระมัดระวังบทบาทตัวเองมาโดยตลอด มีการต่อว่าตนว่าเห็นแก้ตัวที่ไม่กลับมาช่วยพรรค
ที่ผ่านมาพรรคมีปัญหามาโดยตลอด มีการลงชื่อถึง2ครั้ง ของกรรมการบริหารเพื่อลาออกเกินกึ่งหนึ่ง เพื่อเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค ซึ่งสมาชิกมาหารือตน
ถามว่าวันนี้มีเหตุผลอะไรที่จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคภายใต้สถานการณ์การเมืองตนแทบไม่มีเหตุผลอะไรเลย แต่ตนคิดภายใต้เหตุผลของนายชวน ที่เป็นหนี้บุญคุณพรรค
สิ่งที่ผ่านมาทำให้ตนตั้งคำถามว่า เราตระหนักมากแค่ไหนว่า พรรคอยู่ในภาวะที่เรียกว่ายิ่งกว่าวิกฤติเราคิดกันจริงจังหรือยังว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร บทเรียนข้อสรุปต่างๆไม่ได้คิดว่ายากเกินไป การเดินไปข้างหน้าจึงเป็นเรื่องของการค้นหาจิตวิญญาณของความเป็นประชาธิปัตย์ว่าเราจะเดินไปถึงจุดไหน
"วันนี้ไม่ใช่เรื่องใครชนะใครแพ้ แต่วันนี้พรรคเดินต่อไม่ได้ถ้าไม่มีความเป็นเอกภาพอย่างแท้จริง ไม่ว่าใครชนะหรือแพ้ก็จะมีปัญหาผมแพ้ก็มีปัญหา ผมชนะก็ยิ่งมีปัญหาเข้าไปใหญ่ เพราะกระบวนการที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา วันนี้เมื่อมีการเสนอชื่อผมถามท่านรักษาการหัวหน้าพรรคพักการประชุมแล้วคุยกับผมไหม"
โดยนายเฉลิมชัย กล่าวว่า ผมได้พูดไปแล้วว่าจะหยุด ไม่เคยปฏิเสธว่าพูดแล้วต้องรับผิดชอบ แต่ขอเรียนว่าอยู่ดีๆไม่มีใครพูดส่งเดช มันต้องมีที่มาที่ไป บางครั้งสถานการณ์บางอย่าง ผมบุกบั่นกับประชาธิปัตย์มาตั้งแต่2518 มันคือสายเลือด และยึดมั่นในอุดมการณ์ซื่อสัตย์สุจริต100%
"ผมพร้อมจะคุยกับท่าน แต่ท่านไปคุยกับผม2คนได้หรือไม่"
นายอภิสิทธิ์ตอบกลับว่า ผมกับท่านไม่เคยทะเลาะกันถ้าจะไปคุยกัน2คนแล้วมีพยานผมไม่ขัดข้อง
นายเฉลิมชัย ย้ำว่า ผมอยู่ปชป.มา 22 ปี ผมยืนยันว่าปชป.ไม่ใช่พรรคอะไหล่ใครและไม่มีวันยอม
จากนั้น เวลา11.15 น. นายเฉลิมชัยได้พักการประชุม10นาที เพื่อไปพูดคุยกับนายอภิสิทธ์นอกห้องประชุม
จากนั้น นายอภิสิทธ์กล่าวว่า เข้าใจตรงกันทุกอย่างผมเรียนเลขาธิการพรรคว่า
ขอถอนตัว ผมขอลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
แต่ยืนยันกับทุกท่านที่นี่ผมไม่มีพรรคอื่นไม่ไปพรรคอื่นกรีดเลือดผมมาก็เป็นสีฟ้าจนวันตาย
เป็นลูกพระแม่ธรณีที่จะรักษาอุดมการณ์เพื่อรับใช้บ้านเมืองต่อไป ถ้าอนาคตคิดว่าผมจะช่วยได้ก็ไม่ปฏิเสธ
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้เดินออกจากห้องประชุมไปทันที.
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.