เศรษฐา เปรียบหนี้นอกระบบ ค้าทาสยุคใหม่ ย้ำ เร่งแก้ไข เปิดโอกาสเข้าถึงทุน
วันที่28พ.ย. ที่ตึกสันติไมตรี(หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร. ร่วมกันแถลงข่าวแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
นายเศรษฐา แถลงว่า การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของประชาชน เรื่องหนี้ เป็นเรื่องใหญ่ของคนไทย กัดกร่อนสังคมไทยมานาน นำมาสู่ปัญหาสังคมอื่นๆ รัฐบาลประเมินจำนวนหนี้ครัวเรือนนอกระบบไว้ขั้นต่ำ 50,000 ล้านบาท ประชาชนส่วนใหญ่ต้องประสบความเปราะบางจากหนี้สินล้นพ้นตัว ปิดโอกาสการต่อยอดชีวิต รัฐบาลจะจริงจังปัญหาดังกล่าวและยกเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ สร้างความมั่นคง คืนศักดิ์ศรีให้กับประชาชน รัฐบาลจะฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับครัวเรือน ยกระดับความเป็นอยู่ โดยไม่ให้ประชาชนต้องเป็นหนี้อีก
นายเศรษฐากล่าวว่า ปัญหาหนี้นอกระบบปัจจุบัน เป็นการค้าทาสในยุคใหม่ ที่พรากอิสรภาพ และความฝันของประชาชนจนเรื้อรัง เกินกว่าภาครัฐหน่วยงานเดียวจะเข้ามารับผิดชอบ รัฐบาลจึงบูรณาการทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกระทรวงการคลังมาแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับไปในวงจรหนี้นอกระบบอีก โดยภาครัฐ จะเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย ดูแลเจ้าหนี้ และลูกหนี้อย่างเป็นธรรม เพื่อให้ลูกหนี้ได้มีโอกาสหายใจ และหาเงินมาปิดหนี้ให้ได้
ส่วนการดำเนินการนั้น จะมีการทำฐานข้อมูลกลาง นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อความโปร่งใสตั้งแต่เริ่มจนจบ และมีวิธีเข้าสู่กระบวนการหลายรูปแบบ เพื่อความสะดวกของประชาชน ประชาชนสามารถตรวจสอบความคืบหน้าการดำเนินการได้
หลังขั้นตอนการไกล่เกลี่ยเสร็จสิ้นแล้ว กระทรวงการคลัง จะเข้ามาช่วยปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งระยะเวลา เงื่อนไข และกระบวนการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถชดใช้หนี้ได้โดยไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และรัฐบาล จะไม่สร้างภาวะอันตรายทางศีลธรรมในมาตรการการช่วยเหลือทั้งหมด
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หลังจากนี้ จะเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้มากขึ้น วันที่ 12 ธันวาคม จะแถลงรายละเอียด การแก้ปัญหาหนี้ทั้งในระบบของประชาชน และหนี้นอกระบบอีกครั้ง ยืนยันว่า โครงการนี้ปลดปล่อยให้ประชาชนออกจากทาสหนี้นอกระบบ ได้มีกำลังใจ และมีแรงใจทำตามความฝันต่อไป
สำหรับการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนอกระบบระหว่างลูกหนี้-เจ้าหนี้ จะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด หรือร้อยละ 15 ต่อปี และที่ผ่านมา หากลูกหนี้จ่ายเงินต้นแก่เจ้าหนี้ครบแล้ว จะต้องยกเลิกการชดใช้ต่อกัน การทำงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบครั้งนี้ จะต้องบูรณาการมากขึ้น แตกต่างจากอดีต ยังมีอีกหลายนโยบายของรัฐบาลที่จะนำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ละต้องเริ่มต้นที่การลดค่าใช้จ่ายก่อน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ การพักหนี้ รวมถึงการแก้ปัญหานี้
ส่วนหากเจ้าหนี้นอกระบบที่เป็นผู้มีอิทธิพล ไม่ยอมเข้าระบบจะแก้ไขปัญหาอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ขอรับผู้มีอิทธิพล โดยจะต้องใช้กฎหมายบังคับการกำหนดดอกเบี้ย รวมถึงจะต้องมีการเชิญเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงมาพูดคุยร่วมกัน
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ลูกหนี้นอกระบบ หลังมีการไกล่เกลี่ย และปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ก็จะเข้าไปช่วยเหลือด้านสินเชื่อ โดยเปิดให้ลูกหนี้กู้ได้ รายละไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลา 5 ปี รวมถึงโครงการสินเชื่อสำหรับอาชีพอิสระ เพื่อส่งเสริมอาชีพนั้น ก็สามารถกู้ได้สูงสุด 100,000 บาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 8 ปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ย จะเป็นไปตามความสามารถของลูกหนี้ และธนาคาร ธ.ก.ส.ก็มีโครงการรองรับเกษตรกร เช่น กรณีติดจำนองที่ดินหนี้นอกระบบ ธ.ส.ก. ก็มีวงเงินสำหรับเกษตรกร รายละไม่เกิน 2,500,000 บาท/ราย เพื่อนำไปแก้ปัญหาที่ทำกิน รวมถึงผู้ประกอบการเจ้าหนี้ ที่ต้องการดำเนินการให้ถูกกฎหมาย ก็สามารถขออนุญาตดำเนินการได้ในรูปแบบพิโกไฟแนนซ์ เป็นต้น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย จะบริหารในพื้นที่แบบบูรณาการ โดยเฉพาะนายอำเภอ ร่วมกับตำรวจโดยเฉพาะในระดับผู้กำกับ ช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งการไกล่เกลี่ย และการประนีประนอมข้อพิพาท รวมถึงปราบปรามผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด โดยจะประสานข้อมูลระหว่างกัน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นายอนุทิน ยังเชิญชวนประชาชนที่ประสบปัญหา ทั้งถูกข่มขู่ ถูกดูหมิ่น หรือต้องการปรับหนี้นอกระบบเข้าระบบ ไปลงทะเบียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมของศาลากลางจังหวัด หรือที่ว่าการอำเภอทุกแหล่งในต่างจังหวัด รวมถึงสำนักงานเขตทุกแห่งในกรุงเทพมหานคร เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยได้รวบรวมข้อมูล และแก้ปัญหาต่อไป ส่วนหากลูกหนี้ที่ยังกังวลอิทธิพลเจ้าหนี้นั้น กระทรวงมหาดไทย ยังได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ไปสำรวจในพื้นที่ด้วยตนเองด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
พลตำรวจเอกธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ โดยมีสายด่วน 1599 รับแจ้งเหตุ และมีการกำหนดแผนปฏิบัติในพื้นที่ พร้อมให้ตำรวจนครบาล และภูธร สำรวจพื้นที่ เพื่อขึ้นบัญชีผู้ประกอบการหนี้นอกระบบทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ทวงหนี้รุนแรง ซึ่งที่ผ่านมา สามารถจับกุมได้ 134 ราย ตั้งแต่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา สามารถยึดรถยนต์ของกลางได้ 22 คัน รถจักรยานยนต์ 19 คัน รวมมูลค่ากว่า 8,000,000 บาท รวมถึงจับกุมเครือข่ายรับจำนวนรถยนต์ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี สระแก้วได้ และยังจับแก๊งปล่อยเงินกู้ ทวงหนี้โหดในจังหวัดจันทบุรีได้ จึงยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลในทุกมิติ และเป็นไปตามเป้าหมาย มีประสิทธิภาพตามนโยบายรัฐบาล
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.