ประโยชน์ของอะโวคาโด ที่ดีต่อสุขภาพ พร้อมคุณค่าทางโภชนาการ
อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อะโวคาโดมีไขมันสูง แต่ไขมันเหล่านี้เป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ไขมันในอะโวคาโดเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ อะโวคาโดยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเค โพแทสเซียม และโฟเลต อะโวคาโดมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย อะโวคาโดยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน อะโวคาโดยังช่วยบำรุงผิวและเส้นผม อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
Sanook Health ได้รวบรวม "ประโยชน์ของอะโวคาโด" เพื่อเป็นข้อมูลให้ดังนี้
อะโวคาโด
ประโยชน์ของอะโวคาโด
- บำรุงหัวใจและหลอดเลือด
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- บำรุงสมอง
- ชะลอความเสื่อมของเซลล์
- บำรุงผิวพรรณ
- ป้องกันโรคมะเร็ง
- ลดน้ำหนัก
- ป้องกันโรคเบาหวาน
- ป้องกันโรคข้ออักเสบ
- ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
- ป้องกันโรคท้องผูก
- ป้องกันโรคริดสีดวงทวาร
- ป้องกันโรคต้อกระจก
- ป้องกันโรคตาเสื่อม
- ป้องกันโรคโลหิตจาง
- บำรุงระบบประสาท
- บำรุงระบบภูมิคุ้มกัน
- เสริมสร้างพลังงาน
- เพิ่มการเผาผลาญ
- ช่วยให้อิ่มนาน
- ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
- ช่วยให้ผิวกระจ่างใส
- ช่วยให้ผมเงางาม
- ช่วยให้เล็บแข็งแรง
- ช่วยให้อารมณ์ดี
- ช่วยให้นอนหลับสบาย
- ช่วยให้ร่างกายสดชื่น
- ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
คุณค่าทางโภชนาการของอะโวคาโด
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ อะโวคาโด 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
คุณค่าทางโภชนาการของอะโวคาโดต่อ 100 กรัม
- พลังงาน: 160 กิโลแคลอรี
- ไขมัน: 15 กรัม
- โปรตีน: 2 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต: 9 กรัม
- ไฟเบอร์: 7 กรัม
- วิตามินซี: 13.9 มิลลิกรัม
- วิตามินอี: 2.1 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 6: 0.18 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 9: 20.7 ไมโครกรัม
- โพแทสเซียม: 485 มิลลิกรัม
- แมกนีเซียม: 29 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส: 52 มิลลิกรัม
- แคลเซียม: 14 มิลลิกรัม
อะโวคาโด
ข้อควรระวังในการทานอะโวคาโด มีดังนี้
- อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง จึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้
- อะโวคาโดสดมีสารแทนนินสูง ซึ่งอาจทำให้ท้องผูกได้ ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกควรรับประทานอะโวคาโดสุกมากกว่าอะโวคาโดสด
- อะโวคาโดมีสารเคมีบางชนิดที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น อาการคัน ผื่นแดง ปากบวม หายใจลำบาก ผู้ที่แพ้อะโวคาโดไม่ควรรับประทานอะโวคาโด
- อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด จึงควรระมัดระวังในผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอะโวคาโดในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไขมันในเลือดสูง
โดยรวมแล้ว อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะและควรระมัดระวังในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ
วิธีรับประทานอะโวคาโด
อะโวคาโด สามารถรับประทานสด นำไปประกอบอาหาร หรือทำเป็นเครื่องดื่มได้ อะโวคาโดสดสามารถรับประทานเป็นอาหารเช้า อาหารกลางวัน หรืออาหารเย็น อะโวคาโดสดสามารถรับประทานกับขนมปัง ซีเรียล โยเกิร์ต หรือผลไม้อื่นๆ อะโวคาโดยังสามารถนำไปประกอบอาหาร เช่น สลัดอกไก่ ข้าวผัด แกงกะหรี่ หรือพาสต้า อะโวคาโดยังสามารถทำเป็นเครื่องดื่ม เช่น สมูทตี้ น้ำผลไม้ หรือน้ำชา
อะโวคาโด
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง แต่ไขมันส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) และลดไขมันไม่ดี (LDL) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด อะโวคาโดยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 6 วิตามินบี 9 โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และแคลเซียม สารอาหารเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายและสมอง อะโวคาโดยังเป็นแหล่งที่ดีของโฟเลต ซึ่งมีความสำคัญต่อสตรีมีครรภ์ อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อะโวคาโดสามารถรับประทานสด นำไปประกอบอาหาร เช่น สเต็ก ไข่ สลัดและอื่นๆ อะโวคาโดยังนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางค์และอาหารเสริมอีกด้วย
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.