เจาะแผนการ“ซาอุดิ โปร ลีก” คิดใหญ่ ส่งออกลิขสิทธิ์ทั่วโลก (2)
แน่นอนฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษคือลีกที่ใหย่และมีเงินจากการถ่ายทอดสดมากที่สุดในโลก ยืนหนึ่งในภูมิภาคลูกหนังเวลานี้ และการประมูลมีมูลค่าสูงขึ้นทุกๆครั้งที่มีการ “บิด” เพื่อขอสิทธิ์
ฝั่งซาอุฯจึงใช้วิธีดึงนักเตะชั้นนำของโลกโดยเฉพาะจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แม้อายุจะมากหน่อยแต่มาตรฐานการเล่นของฝีเท้ายังใช้งานได้อีก 2-3 ปี แม้จะยังถึงขั้นยึดหัวหาดเบอร์ 1 ของโลก แต่ได้เข้ามาติด Top 6-7 ในเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดก็เป็นเงินหลักเกือบแสนล้านบาทแล้ว
เค้กก้อนใหญ่ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทั่วโลก
เราไปดูเม็ดเงินที่หมุนเวียนในวงการฟุตบอลยุโรป TOP 5 ลีก กันว่ามีมากมายมหาศาลแค่ไหน
พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ มูลค่า 5.1 พันล้านปอนด์ (2.3 แสนล้านบาท)
ลา ลีกา สเปน มูลค่า 4.24 พันล้านปอนด์ (1.9 แสนล้านบาท)
บุนเดสลีกา เยอรมัน มูลค่า 3.77 พันล้านปอนด์ (1.66 แสนล้านบาท)
กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี มูลค่า 2.4 พันล้านปอนด์ (1.08 แสนล้านบาท)
ลีก เอิง ฝรั่งเศส มูลค่า 1.49 พันล้านปอนด์ (6.7 หมื่นล้านบาท)
นั่นคือมูลค่าของ 5 อันดับลีกที่มีมูลค่าสูงสุดไล่จากมากมายน้อย ขณะที่เมเจอร์ ลีก สหรัฐ อเมริกา ที่ดึงอีก 1 ซูเปอร์สตาร์คู่ขนานของโรนัลโด้ อย่างลิโอเนล เมสซี่ไปเป็นตัวชูโรงให้ อินเตอร์ ไมอามี่ มีมูลค่าของลีกอยู่ ที่ 205 ล้านปอนด์ หรือ 9,225 ล้านบาท
แต่การพยายามที่จะก้าวมาแบ่งเค้กเม็ดเงินรายได้ของเมเจอร์ ลีก สหรัฐ อเมริกา ยังเป็นเรื่องห่างไกลความจริง โดยเฉพาะตลาดในยุโรปและเอเชีย ซึ่งไทม์โซน ต่างกันทำให้เรื่องการถ่ายทอดสดไม่สามารถเข้าถึงตลาดที่ใหญ่ที่สุดอย่างเอเชียได้
ซึ่งต่างกับฟุตบอลลีกของยุโรป และเวลาแข่งของฟุตบอลลีกในซาอุดิ อาระเบีย ที่มีไทม์โซน ของการถ่ายทอดสดมายังเอเชีย และเอเชรียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่ห่างกันมากนัก จุดนี้ทำให้ทางซาอุฯมองเห็นแล้วว่า คุ้มกับการทุ่มทุนเพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งของตลาดฟุตบอลที่มีเม็ดเงินมหาศาลแห่งนี้
อีกหนึ่งข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้ดีกว่า ซาอุดิ อาระเบีย พยายามกระโจนเข้าโกยเงินในวงการฟุตบอลยุโรปนั่นคือ พวกเขาเคยเสนอตัวเองไปยังสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า เพื่อไปร่วมแข่งขันในรายการใหญ่ของยุโรป ในรูปแบบ Wild Card หรือการเทียบเชิญพิเศษ
แต่สุดท้ายแนวคิดดังกล่าวถูกเบรกโดย อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ประธานยูฟ่า ว่าทีมจากซาอุดิ อาระเบียไม่มีสิทธิ์มาแข่งในฟุตบอลถ้วยยุโรปแน่นอน เพราะทีมที่จะเล่นในฟุตบอลถ้วยรายการของยูฟ่า คือสโมสรจากยุโรปเท่านั้น
ซาอุดิอาระเบีย ลุยฟุตบอลและกีฬา
อย่างที่เรียนไปว่านี่คือโครงการ “Vision 2030” แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ที่จะผลักดันประเทศไปสู่ยุคใหม่ โดยมีกีฬาเป็นตัวดึงเม็ดเงินเข้าประเทศแทนการพึ่งพาการขายน้ำมันอย่างเดียว
ปี 2021 ซาอุดีอาระเบียทุ่มเงินไปกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ฯ ลงทุนจัดทัวร์นาเมนท์ กีฬาทั้ง ระดับนานาชาติและในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น หมากรุก กอล์ฟ ( LIV Golf) เทนนิส สนุกเกอร์ มวย
หรืองานแข่งม้าที่มูลค่าสูงที่สุดในโลกอย่าง Saudi Cup ช้เงินไปกว่า 60 ล้านดอลลาร์ฯ เพื่อชิงเงินรางวัลถึง 20 ล้านดอลลาร์ฯ
ยังไม่นับการเซ็นสัญญา มูลค่า 650 ล้านดอลลาร์ฯ สำหรับการแข่งขันฟอร์มูลา วัน
ก่อนหน้านี้ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (PIF) เคยเปิดเผยว่า พวกเขาใช้เงินไปกับการสนับสนุนสโมสรฟุตบอลทั้งในประเทศและทั่วโลกเป็นเงินกว่า 2.3 พันล้านเหรียญฯ (ราว 78,000 ล้านบาท) รวมถึงการจ้าง ลิโอเนล เมสซี่ มาช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022
ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาพวกเขายังสามารถสนับสนุนด้านการกีฬา และซาอุดิ โปร ลีก ให้ดึงนักฟุตบอลฝีเท้าระดับเวิลด์ คลาสเข้ามาร่วมทีมอีกเพียบ !
ดังคำกล่าวที่ ไซมอน แชดวิค ศาสตราจารย์ด้านกีฬาและเศรษฐศาสตร์การเมือง เคยกล่าวไว้อย่างเห็นภาพว่า
“มีแค่สองอย่างที่สามารถพาโรนัลโด้ และเมสซี่ มาอยู่ด้วยกัน หนึ่งคือหลุยส์ วิตตอง อีกอย่างคือซาอุดิอาระเบีย”
น่าสนใจว่าความมุ่งมั่นและทะเยอทะยาน ที่จะเขย่าโลกของฟุตบอล และวงการกีฬาครั้งนี้ ซาอุดิ อาระเบียจะใช้เวลากี่ปีเพื่อผลักดันตัวเองขึ้นมา
ไม่แน่เราอาจจะเห็นฟุตบอลลีกซาอุดิ อาระเบีย ก้าวขึ้นมาท้าทายขาใหญ่ในวงการฟุตบอลอย่างพรีเมียร์ ลีกอังกฤษก็เป็นได้
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.