ย้อนประวัติศาสตร์ 'หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์' ไปไกลถึงสฟิงซ์ได้ยังไงนะ?

ถ้าพูดถึงคำว่า ฮิวแมนนอยด์  (Humanoid) หลายคนจะคุ้นหรือนึกภาพถึง หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ (Humanoid Robot) ซึ่งหรือหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นมนุษย์ รวมไปถึงทั้งด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย การคิดวิเคราะห์ประมวลผล และการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการควบคุม ซึ่งได้รับความนิยมและพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงศตวรรษที่ 20

แต่แท้จริงแล้วหากพูดถึงคอนเซปต์จริงๆ ของคำว่า Humanoid ซึ่งเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มต้นขึ้นมากว่าพันปี!! เมื่อมนุษย์เริ่มมีจินตนาการถึงสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์แต่มีรูปร่างเป็นมนุษย์

 

คอนเซปต์ ‘ฮิวแมนนอยด์’ ไม่ได้เริ่มจากวิทยาศาสตร์ แต่เริ่มจากเทพเจ้า!!

 

ฮิวแมนนอยด์ ( Humanoid ) หมายถึง สิ่งที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่ไม่ใช่มนุษย์ ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่เรื่องของ ‘หุ่นยนต์’ อย่างที่หลายคนเข้าใจ  ย้อนกลับไปตามประวัติศาสตร์และจากคำอธิบายนี้ เราอาจจะสามารถสรุปได้ว่าเหล่าเทพในตำนานต่างๆ ซึ่งมักจะมีหน้าตาเป็นมนุษย์แต่มีพลังที่พิเศษกว่ามนุษย์ทั่วไปก็จะนับเป็นฮิวแมนนอยด์เช่นกัน และสามารถนับรวมการผสมผสานรูปร่างระหว่างคนและสัตว์อย่าง ซุนหงอคงในตำนานของจีน รวมไปถึงหนุมานที่เราคุ้นเคยกันดีซึ่งมีรากฐานจากอารยธรรมฮินดู และ ‘สฟิงซ์’  สัตว์ในตำนานของอียิปต์ ซึ่งมีรูปร่างหัวเป็นมนุษย์ตัวเป็นสิงโต และหมอบเฝ้าอยู่บริเวณด้านหน้าของพีระมิด ก็นับว่าเป็นฮิวแมนนอยด์อย่างหนึ่งด้วยนั่นเอง

 

 

จะเห็นได้ว่าคอนเซปต์ของมนุษย์ที่ ‘จินตนาการถึงสิ่งอื่นที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์แต่ไม่ใช่มนุษย์’ นั้นไม่ได้เริ่มต้นแค่การสร้างหุ่นยนต์ แต่ความคิดดังกล่าวมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ  สะท้อนออกมาในรูปแบบของตำนานและจินตนาการต่างๆ   ส่วนหนึ่งเราอาจจะสามารถอธิบายปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นหลัก Antropomorphism  หรือ  มานุษยรูปวิทยา ซึ่งอธิบายว่า  เหตุผลที่มนุษย์เราจินตนาการถึงสิ่งอื่นที่มีความเป็นมนุษย์  ก็เพื่อที่จะสร้างความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวโดยใช้ลักษณะของตนเองอ้างอิง เราจะได้เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของปรากฎการณ์ต่างๆ อย่างเช่น การสร้างสฟิงซ์ที่มีศีรษะเป็นมนุษย์นั้น นักโบราณคดีส่วนหนึ่งบอกว่ามันคือการผสมผสานระหว่างร่างกายของสิงโตที่สะท้อนความจงรักภักดีและพลังการปกป้อง และที่เป็นศีรษะมนุษย์ก็เพราะในอารยธรรมอียิปต์มองว่า มนุษย์จะมีพลังของความฉลาดหลักแหลม รวมไปถึงมีดวงตาที่สามารถจ้องมองที่ฝังพระบรมศพได้ ..

 

แล้วหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ เริ่มขึ้นจากที่ใด? ลีโอนาโด ดาวินชี เกี่ยวอะไรกับงานนี้?

 

จากคอนเซปต์ฮิวแมนนอยด์ที่จินตนาการที่สิ่งอื่นที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่ไม่ใช่มนุษย์ ที่ถูกบรรจุอยู่ในตำนานและเรื่องเล่าเท่านั้น  มนุษย์ได้พยายามทำให้มันเกิดขึ้นจริง!!  อันที่จริงแล้วแนวคิดนี้ก็มีมาเนิ่นนานตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาลในตำนานกรีก เมื่อเทพเจ้าฮีฟีสตัส เทพแห่งการตีเหล็ก ได้สร้างสิ่งมีชีวิตที่บรรยายแล้วดูเข้ากับการเป็นหุ่นยนต์มากที่สุด เช่น การสร้างนางสนองพระโอษฐ์ที่มีร่างกายทำจากทอง แต่มีเสียงเหมือนมนุษย์จริงๆ หรือการสร้างหุ่นกลขนาดยักษ์ที่ชื่อทาลอสเพื่อปกป้องเกาะครีตจากผู้รุกราน   ในหลักฐานของจีนก็ปรากฎชื่อวิศวกรนามว่า Yan Shi ซึ่งได้สร้างหุ่นที่มีขนาดเหมือนมนุษย์เพื่อถวายแก่พระจักรพรรดิ ซึ่งทำมาจากไม้และหนังสัตว์ และสามารถเดิน ร้องเพลง และเคลื่อนไหวร่างกายได้บางส่วนเช่นกัน

หลังจากนั้นความนิยมในการสร้างหุ่นยนต์ได้ห่างหายไปจากประวัติศาสตร์ จะมีเป็นการสร้างหุ่นยนต์เอาไว้เพื่อความเพลิดเพลินบางอย่างเช่น หุ่นยนต์ที่สามารถรินไวน์ได้เท่านั้น ที่น่าสนใจคือในศตวรรษที่ 14 ลีโอนาโด ดาร์ วินชี ผู้วาดภาพโมนาลิซซาจนโด่งดัง แท้จริงแล้วไม่เพียงแต่ด้านจิตกร แต่ดาร์วินชี คือผู้รอบรู้ที่ศึกษาศาสตร์เกือบทุกแขนง รวมไปถึงเรื่องหุ่นยนต์นี้เขาก็ได้สร้างคอนเซปต์ของหุ่นยนต์สวมเกราะ ที่สามารถนั่ง ยืน และเคลื่อนไหวแขนได้ และถูกควบคุมด้วยระบบรอกเอาไว้ด้วย!!

 

ยุคแห่งการสร้างหุ่นยนต์สมัยใหม่ ในศตวรรษที่ 20

 

คำว่า ‘หุ่นยนต์’ หรือ Robot ถือกำเนิดขึ้นจริงๆ ในช่วงปี 1920 คำว่า Robot มาจากคำว่า Robota ในภาษาเช็ก แปลว่าทำงานหนัก และถูกนำมาใช้ในงานแสดงละครเวทีเรื่อง R.U.R ของนักเขียน Karel Capek ว่าด้วยหุ่นยนต์สามตัวที่เรียกว่า 'หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์' ถูกนำมาใช้งานต่างๆ และสามารถเดิน พูด วิ่งหรือต่อสู้ได้เฉกเช่นมนุษย์ เรื่องนี้ได้ถูกแปลไปกว่า 30 ภาษาทั่วโลก และเป็นต้นกำเนิดของการใช้คำว่า Robot ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

 

ในช่วงปีนั้นเองได้มีการสร้างหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ขึ้นจริงๆ ที่อเมริกาชื่อว่า Televox ซึ่งสามารถควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบทางไกลได้ จากนั้นก็มีวิศวกรชาวอังกฤษสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถยืนและลุกนั่งได้ และที่เรียกเสียงฮือฮาได้อีกก็คือนักวิจัยจากญี่ปุ่นที่สามารถสร้าง Gakutensoku หุ่นยนต์ที่สามารถเปลี่ยนการแสดงสีหน้าได้ และสามารถวาดรูปได้อีกด้วย

 

 

ต่อมาเราก็มีการ์ตูนซึ่งเกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่โด่งดัง หากในญี่ปุ่นก็ต้องรู้จักกับ Astro boy ถ้าเป็นฝั่งตะวันตกเราก็จะได้เห็นการ์ตูนอย่าง Robo Cop หรือการ์ตูนจาก DC Comics ที่ออกมาในยุคช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ก็ยิ่งจุดประกายให้กับวงการวิทยาศาสตร์อีกครั้งถึงความฝันที่จะสร้างหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ที่กลายมาเป็นเพื่อนและช่วยเหลือมนุษยชาติ

ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ความคิดเรื่องการสร้างหุ่นยนต์จุดติดขึ้นมา และเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 20 - 21 ซึ่งประเทศญี่ปุ่นได้แนะนำให้เราได้รู้จักกับ ASIMO ซึ่งคิดค้นโดย HONDA ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นหุ่ยนต์ที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาครั้งสำคัญของการสร้างหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ เมื่อ ASIMO สามารถที่จะประมวลผลสิ่งรอบตัวได้ทั้งการเคลื่อนไหว ท่าทาง เสียง และใบหน้า ที่สำคัญคือมันสามารถโต้ตอบกับมนุษย์ได้ด้วย เช่น มีใครเรียกชื่อ หรือรู้ว่าตอนนี้พูดคุยกับใครอยู่ สามารถพูดได้หลายภาษา และเคลื่อนไหวได้ดีเยี่ยม ซึ่งการประดิษฐ์ ASIMO นี้ทำให้ Hoda สามารถนำเทคโนโลยที่ได้ไปสู่การวิจัยต่อยอดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์ช่วยเดินต่างๆ ให้แก่มนุษย์อีกด้วย

 

 

หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ได้มีการพัฒนาหุ่นยนต์ขึ้นในอีกหลายบริษัท และหลายหน่วยงานวิจัย เราได้เห็น  ATLAS หุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนไหวได้หลายรูปแบบลักษณะ ทั้งกระโดด ตีลังกา หรือการวิ่งบนสิ่งของที่มีความสม่ำเสมอไม่เท่ากัน และแสดงออกมาได้มีความธรรมชาติอย่างการแกว่งแขนขณะกระโดด เป็นต้น

 

 

ในอนาคต มีการคาดการณ์ว่าการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จะไปอย่างก้าวกระโดด เพราะขีดความสามารถของเทคโนโลยีต่างๆ อย่างตัววัสดุ AI เซ็นเซอร์ต่างๆ มีการพัฒนาอย่างมากในปัจจุบัน และสักวันเราคงได้เห็นหุ่นยนต์ที่จะสามารถเข้ามาเติมเต็มจินตนาการของมนุษย์ ที่อยากจะสร้างสิ่งเสมือนตัวเอง

การสร้างมนุษย์นั้น จะไม่ใช่แค่เรื่องของพระเจ้าอีกต่อไป และในวันนี้หุ่นยนต์เสมือนมนุษย์สามารถออกมาโลดแล่นบนโลกใบนี้ได้ อาจจะเป็นอีกขั้นหนึ่งที่มนุษยชาติจะเข้าใจตัวเองได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ เพราะบางทีการสร้างหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์นี้ ก็เป็นอีกวิธีที่เราอยากจะเข้าใจตัวเองก็เป็นได้.

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.