9 นิสัยสร้างสุขภาพดี อายุยืน แข็งแรงแบบคนญี่ปุ่น
เราคงทราบกันดีว่าคนญี่ปุ่นมักจะมีอายุยืน และประสบความสำเร็จในการรักษาโรคร้ายแรงต่างๆ ทั้งโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ ฯลฯ ว่าแต่พวกเขามีเคล็ดลับในการใช้ชีวิตให้ยืนยาวสุขภาพดีได้อย่างไร และนี่คือ 9 นิสัยสร้างสุขภาพดี อายุยืนแบบคนญี่ปุ่น
9 นิสัยสร้างสุขภาพดี อายุยืนแบบคนญี่ปุ่น
1.ข้าวดีกว่าขนมปัง
- คาร์โบไฮเดรตน้อยกว่า: ข้าวหนึ่งถ้วย (185 กรัม) มีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 50 กรัม ในขณะที่ขนมปังโฮลวีตหนึ่งแผ่น (36 กรัม) มีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 15 กรัม หมายความว่าคุณสามารถทานข้าวได้มากกว่าขนมปังโดยได้รับคาร์โบไฮเดรตเท่ากัน
- วิตามินและแร่ธาตุมากกว่า: ข้าวอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินบี แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม
- ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยลง: การศึกษาหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าการทานข้าวเป็นประจำมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจที่ลดลง
- ไม่ระคายเคืองต่อลำไส้: ข้าวไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อลำไส้ในคนส่วนใหญ่ ซึ่งต่างจากขนมปังที่อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องผูก หรือท้องเสียในบางคน
อย่างไรก็ตาม ข้าวก็มีข้อเสียเช่นกัน:
- แคลอรี่สูง: ข้าวหนึ่งถ้วย (185 กรัม) มีแคลอรี่ประมาณ 200 แคลอรี่
- ดัชนีน้ำตาลสูง: ข้าวขาวมีดัชนีน้ำตาลสูง หมายความว่ามันสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น ข้าวจึงเป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพเมื่อเทียบกับขนมปัง แต่ควรเลือกทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว และทานคู่กับผัก ผลไม้ และโปรตีนเพื่อมื้ออาหารที่สมดุล
2.ควบคุมปริมาณอาหาร
แม้ว่าญี่ปุ่นจะไม่ได้ห้ามการทานอาหารขยะโดยสิ้นเชิง แต่หากคุณเคยไปเยือนประเทศนี้ คุณจะสังเกตเห็นว่าตามร้านสะดวกซื้อมีขนมหวาน ไอศกรีม และของว่างเค็มๆ วางขายอยู่มากมาย แสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นก็ชื่นชอบของอร่อยๆ ไม่แพ้ชาติใดในโลก
อย่างไรก็ตามหลักการสำคัญของวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่น คือ การทำทุกอย่างอย่างพอเหมาะพอควร ดังนั้น แม้จะทานอาหารขยะบ้าง แต่คนญี่ปุ่นก็จะทานในปริมาณที่จำกัด ไม่ทานจนมากเกินไป
เคล็ดลับในการควบคุมปริมาณอาหารแบบญี่ปุ่น
- ทานอาหารช้าๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด: วิธีนี้ช่วยให้สมองได้รับสัญญาณว่าอิ่มเร็วขึ้น ป้องกันการทานมากเกินไป
- ใช้จานขนาดเล็ก: การใช้จานขนาดเล็กจะทำให้ดูเหมือนว่าอาหารมีปริมาณมากขึ้น ช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
- ดื่มน้ำก่อนทานอาหาร: น้ำช่วยให้อิ่มท้อง ทานอาหารได้น้อยลง
- ทานอาหารที่มีใยอาหารสูง: ใยอาหารช่วยให้อิ่มนาน ป้องกันการทานจุกจิก
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารไปพร้อมกับดูทีวีหรือเล่นมือถือ: การจดจ่อกับสิ่งอื่นๆ ขณะทานอาหาร ทำให้เรากินอาหารโดยไม่รู้ตัว ทานมากเกินไป
- หยุดทานเมื่อรู้สึกอิ่ม: ไม่จำเป็นต้องทานจนหมดจาน หยุดทานเมื่อรู้สึกอิ่ม ไม่ควรฝืนทานต่อ
- วางแผนการทานอาหาร: การวางแผนล่วงหน้าว่าจะทานอะไร ช่วยป้องกันการทานอาหารขยะ หรือทานอาหารมากเกินไป
การควบคุมปริมาณอาหาร เป็นวิธีสำคัญในการรักษาสุขภาพ ช่วยให้ควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ
3.การฝึก "กินอย่าง mindful" เป็นหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากวัฒนธรรมญี่ปุ่น แนวคิดนี้เน้นการมีสติขณะรับประทานอาหาร ชื่นชมรสชาติ เนื้อสัมผัส และสีสันของอาหาร รวมถึง รับฟังสัญญาณหิว อิ่ม ของร่างกายอย่างตั้งใจ
การทานอาหารช้าๆ และไม่รับประทานไปพร้อมกับสิ่งรบกวน ช่วยให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์แห่งความอร่อยจากอาหารมื้อนั้นอย่างเต็มที่ และรู้จักสังเกตว่าตัวเองอิ่มแล้ว ซึ่งจะช่วยป้องกันการทานมากเกินไป
อาหารญี่ปุ่นมักเสิร์ฟเป็นคำเล็กๆ จัดแต่งอย่างสวยงาม เพื่อส่งเสริมการชื่นชม และการรับประทานอาหารช้าๆ การเน้นที่คุณภาพ มากกว่าปริมาณ และเน้นที่ประสบการณ์ มากกว่าการกินอย่างรวดเร็ว อาจนำไปสู่ระบบย่อยอาหารที่ดีขึ้น และความพึงพอใจที่มากขึ้น แม้ทานอาหารในปริมาณน้อย
การฝึกกินอย่าง mindful ช่วยส่งเสริมการเชื่อมโยงกับอาหารอย่างลึกซึ้ง ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อการรับประทานอาหาร ที่มากกว่าแค่การได้รับสารอาหาร
4. อาหารอุดมไปด้วยอาหารทะเลและผัก
การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยอาหารทะเลและผัก เป็นหัวใจสำคัญของการบำรุงร่างกายแบบญี่ปุ่น การเน้นกลุ่มอาหารเหล่านี้ ไม่เพียงแค่เป็นรสนิยมในการรับประทานอาหารเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของอาหารญี่ปุ่น และความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
อาหารทะเล ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนหลักในอาหารญี่ปุ่น อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีชื่อเสียงด้านการปกป้องหัวใจ และเสริมสร้างสุขภาพสมอง ผักสด ผักดอง และผักนึ่ง ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากความหลากหลาย และคุณค่าทางโภชนาการ ผักเหล่านี้มีวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ซึ่งล้วนส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม
การรับประทานอาหารแบบญี่ปุ่น เน้นบริโภคอาหารสด ผ่านกระบวนการปรุงแต่งน้อยที่สุด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรี่สูง แต่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ ซึ่งมักเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรังต่างๆ การเลือกบริโภคอาหารที่เน้นอาหารทะเลและผัก ไม่เพียงแค่ทำให้คุณได้ลิ้มรสชาติและสัมผัสอันหลากหลาย แต่ยังเป็นการก้าวเดินไปสู่วิถีชีวิตที่
5.ชีวิตแบบยั่งยืนสไตล์ญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นมีกฎหมายหลายฉบับที่ควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการรักษาความสมบูรณ์และการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ชีวิตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในญี่ปุ่น มีความเกี่ยวข้องกับความร่วมมือกันในชุมชน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ด้วยวิถีชีวิตที่ผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นในเมืองใหญ่ ความร่วมมือกันจึงเป็นสิ่งจำเป็น
คุณจะเห็นคนญี่ปุ่นคัดแยกขยะอย่างเคร่งครัด และทำหน้าที่ในการรีไซเคิลอย่างแข็งขัน การกระทำเหล่านี้ไม่เพียงแค่ช่วยลดปริมาณขยะ และส่งเสริมระบบนิเวศน์ในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึง จิตสำนึกต่อชุมชน และ ความเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมโดยรวม แนวคิดเช่นนี้ส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดี และอายุขัยที่ยืนยาวได้อย่างมาก
6.พลังแห่งการเดิน
การเดินเป็นกิจกรรมที่ผสานเข้ากับชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ และมีประโยชน์อย่างยิ่ง การเดิน ไม่ได้ส่งผลดีแค่กับสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังได้รับการยกย่องในด้านสุขภาพจิตด้วย เพราะการเดินช่วยให้จิตใจสงบ และคลายความเครียด
เมืองต่างๆ ในญี่ปุ่น ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการเดิน ส่งเสริมให้ประชาชนเลือกเดินแทนการขับรถเป็นระยะทางสั้นๆ การออกกำลังกายแบบง่ายๆ แต่ได้ผลอย่างนี้ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบหัวใจและหลอดเลือด ควบคุมน้ำหนัก และเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย
นอกจากนี้การเดินท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ ชินริน-ยุ (Shinrin-yoku) หรือการอาบน้ำป่า ผสมผสานกิจกรรมทางกายเข้ากับผลการผ่อนคลายจากการอยู่ท่ามกลางแมกไม้
การเดินอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเร็วๆ ยามเช้า การเดินเล่นอย่างเพลิดเพลินในสวนสาธารณะใกล้บ้าน หรือการเดินไปตามนัดหมาย ล้วนส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของคุณอย่างมาก
การเดิ เป็นช่วงเวลาให้คุณได้สังเกต ไตร่ตรอง และเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสะท้อนถึงหลักการใช้ชีวิตอย่างมีสติ อันเป็นหัวใจสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่น
สัมผัสจังหวะของการเดิน เพื่อค้นพบตัวตนที่แข็งแรง และสมดุลยิ่งขึ้น
7.ชีวิตแบบ Zen
ถึงแม้ว่าชาวญี่ปุ่นทุกคนอาจจะไม่ได้นั่งสมาธิแบบเซนเป็นประจำ แต่ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นต้นกำเนิดของศาสนาพุทธแบบเซน รวมถึงแนวทางปฏิบัติและปรัชญาต่างๆ ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตซึ่งกำเนิดขึ้นที่นี่
แก่นแท้ของแนวคิดแบบเซน เน้นการดูแล สุขภาพใจ ควบคู่ไปกับสุขภาพกาย หลักการสำคัญของปรัชญาเซน คือการหลีกเลี่ยงความเร่งรีบ และหันมาใช้ชีวิตอย่างมีสติ ในปัจจุบันขณะ การทำสมาธิแบบเซน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การนั่งสมาธิบนเบาะ หรือเปล่งเสียงสวดมนต์เท่านั้น การทำสมาธิแบบเซน สามารถเกิดขึ้นได้ขณะทำงานบ้าน เช่น ถอนหญ้าในสวน ปรุงอาหาร หรือแม้กระทั่งซ่อมจักรยาน
การฝึกสมาธิ และการใช้ชีวิตอย่างมีสติ ช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าความเครียดส่งผลเสียต่อสุขภาพ
8.ปลูกฝังนิสัยสุขภาพให้ลูกน้อย
พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นมักปลูกฝังให้ลูก ๆ ลองชิมผลไม้และผักหลากหลายชนิด ซึ่งแตกต่างจากเด็กอเมริกันโดยสิ้นเชิง แม้จะใช้วิธีการโน้มน้าวอย่างไร เด็กอเมริกันบางคนก็อาจไม่ยอมแตะต้องอาหารเหล่านี้เลย เคล็ดลับสำคัญอย่างหนึ่งในวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่น คือการเป็นแบบอย่างที่ดี โดยการรับประทานอาหารอย่างมีประโยชน์ และไม่แสดงอาการเครียด เมื่อลูก ๆ ไม่ยอมลองอาหารใหม่ หรือทานไม่หมดทุกอย่างบนโต๊ะอาหาร
เคล็ดลับสุขภาพสุดท้ายจากญี่ปุ่น คือการบูรณาการความรู้ด้านโภชนาการ เข้าไว้ในหลักสูตรประจำวัน นักเรียนจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมฟาร์มท้องถิ่น เรียนรู้เกี่ยวกับโภชนาการ และการประกอบอาหาร ซึ่งช่วยให้พวกเขาเข้าใจประโยชน์ของการรับประทานอาหารอย่างมีประโยชน์ เพื่อสุขภาพที่ดีและอายุที่ยืนยาว
9.การดื่มชาเขียว
มิได้เป็นเพียงการดับกระหาย แต่เป็นการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นอันล้ำค่าที่สืบทอดมายาวนาน ชาเขียว เครื่องดื่มอันเป็นที่รัก อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ได้รับความนิยมมายาวนาน ด้วยรสชาติอันละมุน ชวนสบายใจ และประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
การดื่มชาเขียวเป็นประจำ ส่งผลดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด กระตุ้นระบบเผาผลาญ ส่งเสริมการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ ชาเขียว มี คาเทชิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ มีบทบาทสำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ
พิธีกรรมการดื่มชาเขียว ยังส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสติ เป็นช่วงเวลาแห่งความสงบ การไตร่ตรอง และการเชื่อมโยงกับปัจจุบันขณะอย่างลึกซึ้ง
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.