คุยกับ D Gerrard ถึง “สวรรค์” และ “สภาพจิตใจ” ในวันที่ได้รับการมองเห็นอีกครั้ง

เวลา 6 ปีที่ผ่านมา D Gerrard (บิ๊ก-อุกฤษ วิลลีย์บรอดดอนกาเบรียล) ได้ผ่านเหตุการณ์มากมายทั้งการสูญเสียและประสบการณ์ชีวิตขึ้นลง ไปจนถึงโอกาสใหม่ๆ ด้านงานแสดง แต่สิ่งหนึ่งที่แฟนๆ ได้เห็นสม่ำเสมอคือผลงานที่มีให้ติดตามเนื่องนับจากเพลง “GALAXY” ที่ทะลุร้อยล้านวิว และเกือบทุกผลงานของเขาก็หลักล้านวิวเกือบหมด 

และในวันที่เขากลับมาพร้อมเพลงใหม่ “Paradise Online” ที่มาจากการเฝ้ามองคุณพ่อบนเตียงผู้ป่วยก่อนวันที่ท่านจากไป ทำให้เราตัดสินใจมาคุยกับเขาเรื่องผลงานนี้ รวมถึงตัวตนในปัจจุบันที่ผ่านการเติบโตและเรื่องราวมากมายทั้งสุขและทุกข์จนถึงวันนี้ และให้เขาทำ Sanook Resume แบบสุดปั่นด้วย 

D Gerrard

เพลง “Paradise Online” มีที่มาอย่างไร

D Gerrard : เพลง “Paradise Online” เป็นเพลงที่ผมเขียนมาเพื่ออยากรู้ว่าก่อนคุณพ่อผมจะเสีย เขารู้และคิดอะไร เพราะก่อนจะเสียเขานอนเป็นผักอยู่ 13 วัน ผมอยากรู้ว่าตอนที่เขานอนอยู่เขาคิดอะไร และวิญญาณเขาไปอยู่ในที่ที่เขาชอบหรือเปล่าครับ เขาจะได้อยู่สวรรค์ไหม เขาจะเจอพระเจ้าหรือเปล่า ก็คิดว่ามันคงดีนะถ้าคนเราได้เจอสวรรค์ในแบบที่เขาเจอ โดยที่ไม่ต้องตาย ผมเลยคิดว่าจะทำยังไง ที่จะทำเพลงให้สังคมได้ตื่นมา และรู้ว่ามีสิ่งสำคัญที่ควรทำ เลยหยิบเรื่องในชีวิตมาบอกว่าเจออะไรบ้าง อย่างผมเจอการบูลลี่ตอนเด็ก ผมก็มองว่าโลกนี้มันไม่ดี เลยหนีไปเล่นเกมครับ ผมเลยเอาเรื่องนี้ทำเอ็มวี และใส่เรื่องราวความอยากจะนอน และไม่อยากตื่น แต่พูดความโรแมนติก อยากให้คืนนี้ยาวนาน และให้เราอยากเจอคนในฝัน 

สูตรการทำเพลงฉบับ D Gerrard เป็นอย่างไร เพราะเอกลักษณ์ผลงานที่ออกมาชัด

D Gerrard : สูตรทำเพลงมันไม่มีครับ มันเป็นที่เราจะตั้งใจสื่ออะไรออกมาให้คนฟังมากกว่า ถ้าคิดว่าจะมีสูตรผมจะเครียด เลยคิดว่าเขียนเพลงเพื่ออะไร ก็คิดว่าเขียนเพื่อคนฟังครับ การเขียนให้คนฟังจากข้อความที่อยากสื่อ แบบเจออะไรมา เลยเขียนในเพลง อย่างเพลงนี้เป็นเรื่องแบบนั้น แต่เป็นโรแมนติก เพราะไม่อยากให้คนฟังเครียดเกินไปครับ 

D Gerrard

แต่ในโลกความเป็นจริง D Gerrard ฮีลตัวเองอย่างไร เพราะตัวคุณผ่านอะไรมาเยอะมาก

D Gerrard : สิ่งที่ช่วยคือการฟังเพลงเพราะช่วยให้ผ่อนคลาย และเขียนเพลงเล่าสิ่งที่เล่า เล่าให้เพื่อนฟังว่าไปเจออะไรมา การเขียนเพลง ทำสิ่งที่อยากลงไปในกระดาษ ผมก็มีถามนะครับว่าแต่ละคนรับมือยังไง แต่จริงๆ คุณหมอที่ผมคุยตอนไม่สบาย ก็บอกให้มองโลกอีกแบบ แต่มันก็ยากในการมองโลกที่ไม่สวยให้มันสวย ก็ได้ยามากิน แต่ผมกินแล้วไม่โอเค มันตื้อ ก็ไม่เอาดีกว่ากลับมาเขียนๆ เอาเรื่องที่เจอมาเขียน พอเขียนไม่มีเป้าหมาย มันก็ต้องเล่าเรื่องเพื่ออะไรบางอย่าง เลยพยายามทำเพลงสอดแทรกสิ่งที่เราเป็น ใส่ความเป็นตัวเอง มีเป้าหมายครับ เป็นตัวเอง ทั้งเมโลดี้ ภาพครับ 

หลายคนมักจะนิยามว่า D Gerrard เป็นแร็ปเปอร์ แต่จริงๆ แล้วเป็นแนวไหนกันแน่ 

D Gerrard : ผมยืดหยุ่น แต่ไม่ได้จำกัดว่าเป็นแนวอะไร ผมถูกมองว่าเป็นแร็ปเปอร์ แต่จริงๆ มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งครับ เหมือนก๋วยเตี๋ยว มีเส้น มีลูกชิ้น แต่แร็ปมันคือลูกชิ้น แต่เส้นมันเป็นป็อปโซล นีโอโซล ผมร้องเพลงนะ ถ้าจะบอกว่าผมเป็นแร็ปเปอร์ ต้องดูว่าผมร้องหรือเปล่า เพราะจริงๆ ผมร้องมากกว่า แต่การร้องผมเร็ว มีแร็ปอีก เลยทำให้คนรู้สึกเป็นแร็ปเปอร์ เลยอาจความเป็นโซล แต่จริงๆ ผมเป็นนักร้องนีโอโซลที่มีความเป็นแร็ป มีความเป็นไทย ตัวโน้ตแบบไทย ทำให้สากลครับผม 

D Gerrard

D Gerrard เป็นคนที่หลังเปิดตัวกระแสแรง เพลงต่อๆ มาก็คงที่อยู่ล้านวิว สิบล้านวิวตลอด เรามองกราฟชีวิตในวงการเราอย่างไร 

D Gerrard : ดีใจครับ ที่ผมไม่ต้องสร้างกราฟสูงๆ ตลอด พอมาเปรี้ยงๆ ความเครียดมันก็มาแล้วว่าจะทำอย่างไรให้สูงตลอด แต่พอมันตกๆ ลงมา ของผมตกลงมา เลยทำให้ไม่เครียด มันเลยคงที่ คือกราฟที่คงที่มันก็จะสูงได้อีก เหมือนกราฟที่สูง มันเหมือนภูเขายิ่งสูงยิ่งหนาว พอเราอยู่คงที่แล้วสูงอีกก็ไม่กังวล เพราะเราเคยตกลงมาแล้ว อย่างเพลง 1 อัลบั้มก็มี Super Hit Mega Hit อย่างผมก็มีเพลงดัง ก็มีเพลงที่คนรู้จัก และมีเพลงหน้า B ที่คนไม่เข้าใจ แต่มันทำงานในแบบของมันครับ สไตล์เพลงผมมันฟังง่าย เปิดที่ไหนก็ฟังได้ด้วยครับ  

หลายศิลปินจะมีเหตุการณ์ที่เพลงดังกว่าตัวตน คุณมองอย่างไร 

D Gerrard : ผมเป็นคนหนึ่งที่เพลงดังกว่าตัวตนครับ ตอนแรกรู้สึกไม่ดีว่าทำไมไม่ถูกจดจำ ทำไมจำแค่เพลง ตอนนั้นคิดไม่ดี แต่จริงๆ ต้องยินดี เพราะเพลงทำหน้าที่ คนชอบที่เพลง ไม่ได้ชอบที่ตัวผม ผมเหมือนภาชนะ เราเลยมองว่าจะทำเพลงให้เต็มที่ดีที่สุด เหมือนแก้วที่ดูน่ากิน แต่น้ำเป็นยาพิษ แต่เราเป็นแก้วที่ดูไม่สวย เลยทำน้ำข้างให้น่ากินที่สุด ผมคิดแบบนี้นะครับ แต่ก็มีเวลาก็อยากทำให้ภาชนะดูดีสวยงามขึ้น มันก็ต้องดูดีทุกองค์ประกอบครับ 

D Gerrard

ก่อนหน้านี้เราได้แสดง 4 Kings เรามองว่าการเล่นเรื่องนี้ให้อะไรกับเราในฐานะศิลปินบ้าง  

D Gerrard : ได้เยอะมากครับ คือผมต้องขอบคุณความโชคดีที่ได้เล่น ก็เป็นช่วงที่ยอดวิวเพลงไม่ขึ้นเลย ช่วงโควิด-19 ดาวน์ เก็บตัว ก็มีโพสต์รับสมัครนักแสดงเลยสมัครไปส่งรูปไป เขาติดต่อก็ได้แคส และได้เล่น และได้การมองเห็น คนมองเห็นอีกครั้ง คนเห็นความสามารถมากขึ้น มิติ ได้เห็นจากการร้องเพลงและแสดงได้ด้วย ได้พื้นที่สื่อมากขึ้น ทุกอย่างเป็นโอกาสหมดเลยครับ ผมยังได้อย่างอื่นมากขึ้น ได้เข้าใจการทำเพลงให้เข้ากับภาพ การเล่นเอ็มวีก็เข้าใจบทบาท ได้เรียนรู้การแสดง อารมณ์แบบไหน มิติแบบไหนครับ ส่วนอิมแพ็คงาน Marathon Fest กับ Taitosmith ก็ตื่นเต้น มีวันหนึ่งเราได้เล่นที่นั่นก็ดีใจครับ ก็ควรจะทำให้ดีขึ้น เพื่อให้ไปเล่นอีกครับ 

แล้วงานโชว์ตามที่ต่างๆ ของ D Gerrard  เป็นอย่างไร 

D Gerrard : โชว์ตอนนี้มีเรื่อยๆ นอกกรุงเทพครับ ก็มีกรุงเทพบ้างครับ งานจะมีธีมถ้ามองดีๆ อย่าง “Galaxy” ก็อวกาศ ก็อยู่กับ “โลกคู่ขนาน” หรือ “ไม่เหมือนใคร” ก็อยู่กับ “Luxury” ที่มันแบบ Category เดียวกัน ก็จะรู้ว่าจะจัดอย่างไร คนดูผมก็น่ารัก ทุกคนตั้งใจฟัง เหมือนซื้อตั๋วมาดูจริงๆ เหมือนเมื่อก่อนผมทัวร์บ่อย แต่ช่วงหลังๆ เหมือนพฤติกรรมเปลี่ยน คนดูผมตั้งใจ เพ่งมาก อย่างโต๊ะเหล้าปกติจะสังสรรค์ แต่พอผมเล่นคนจะมอง คนที่เล่นๆ ก็จะมอง เหมือนเป็นห้องนักเรียน คนดูผมน่ารักมากๆ ครับ เหมือนเขากลับไปเป็นเด็กเวลาครับ 

D Gerrard

อยากให้คนจำ D Gerrard อย่างไร 

D Gerrard : อยากให้คนจำผลงานว่าทำอะไรให้เขา ให้ประโยชน์อย่างไร อย่างจำผมสุดท้ายก็สุดท้ายอาจจะผิดหวัง ผมเลยมองว่าไม่ต้องจำเราหรอก ให้จำเพลง จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดหวัง เพราะเพลงคือสิ่งที่ชัดสุดของศิลปินครับ

Photo : Noppachai C.

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.