คุยกับ Hard Boy ถึงความคนึงหาอดีต ร็อครุ่นพ่อ และฝันที่อยากพังเส้นแบ่งทางเพศ
เรียกได้ว่าเป็นเซอร์ไพรส์ปลายปี 2022 ที่ผ่านมาเมื่อวงแฮร์แบนด์ และแกลมร็อคยุค 80 อย่าง Hard Boy ที่มีสมาชิกอย่าง ภีร์-ภีรพัฒน์ ผู้พัฒน์ (ร้องนำ), ฟลุ๊ค-ศุภกร กรินชัย (กีตาร์), ต้อม-นุกูล แช่มประเสริฐ (เบส), ภู-พฤกษ์ไพบูลย์ (คีย์บอร์ด) และ เล้ง-ธนัช ธเนศจินดารัตน์ (กลอง) ได้มาอยู่ค่าย Gene Lab ที่ดูแลโดย โอม-ปัณฑพล ประสารราชกิจ
ด้วยแนวดนตรีที่แตกต่างและความสามารถไปจนถึงการทำผลงานและสินค้า Merchandise ด้วยความแตกต่าง ทำให้ทาง Sanook Music ขอมาคุยกับ Hard Boy ถึงจุดเริ่มต้นและความรักในดนตรีร็อคที่อาจไม่ได้อยู่ในกระแสตอนนี้ พร้อมเปิดตัวตนพวกเขาผ่าน Sanook Resume
Hard Boy
Hard Boy มารวมตัวได้อย่างไร
ภู : ผมกับน้องฟลุ๊คมือกีตาร์เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเก่า ห่างกัน 10 ปี แล้วเราไปเจอกันที่งานคืนสู่เหย้า ก็ตั้งวงกับมือกลองคนแรก และหานักร้อง ก็ไม่รู้ว่าจะไปเอาใคร และเจอภีร์คัฟเวอร์ YouTube บนช่องของเขาเอง ก็เลยสนใจว่านักร้องคนนี้เสียงสูง ก็ให้เพื่อนมือกลองติดต่อ ก็สนใจมาเล่นด้วย
ภีร์ : ก็ด้วยความที่มีการเปลี่ยนสมาชิก ก็มีการออดิชั่น และมาเจอพี่ต้อมที่ชอบในฝีมือก็ดึงเข้ามาครับ มันไม่ใช่เพื่อนสมัยเรียน ทุกคนก็ทำงานมีความรับผิดชอบที่มีต่อกัน เทคแคร์ความรู้สึก ก็จูนไม่นานเพราะทุกคนรสนิยมคล้ายกัน มีความชอบแนวทางเดียวกัน เป้าหมายใกล้ๆ กัน ก็ทำงานกันได้ครับ
Hard Boy
เราหลงใหลอะไรในดนตรีแฮร์แบนด์ แกลมร็อค ยุค 80
ภีร์ : ทุกคนในวงชอบร็อคแหละครับ สายไหนก็ได้ แต่ที่ตรงสุดคือแฮร์แบนด์ อย่างแรกเลยทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ผมหลงดนตรียุค 80 ผมเกิดยุค 90 2000 ก็โตมาระดับหนึ่ง และสงสัยว่าศิลปินที่เราชอบเขาฟังอะไร ก็อยู่แล้วอยู่เลยครับ ฟังอยู่อย่างนั้นครับ
ภู : น่าจะสมัยเรียนอาจารย์ต่างชาติเยอะ ก็โยนมาแบบ Bon Jovi แล้วงานโรงเรียนก็จะแบบเล่นไหมๆ เราก็ไม่เคยฟังได้อิทธิพลจากอาจารย์ชวนไปเล่น
เล้ง : คือถามว่าชอบ 100% ก็ไม่เชิง แต่เราฟังดนตรียุคปัจจุบัน ตอนนี้เรา 28 ถ้าตรงรุ่นก็ Nu Metal เป็น Linkin Park อะไรอย่างงี้ครับ พอฟังเยอะขึ้นเมทัล ก็ย้อนกลับไปฟังว่ามันเกิดมาได้อย่างไร เจอความเป็นดนตรีเพียวๆ เพราะแต่ก่อนร็อคไม่เป็นแบบแผน ABC มันมั่วไปหมด ยุคนั้นมันทดลอง ดนตรีมันขบถ มันเป็นสารตั้งต้นทุกอย่างพอกลับไปฟังก็ชอบครับ
ต้อม : อยากเล่นให้คุณพ่อ พอคุณพ่อสิ้น ก็อยากเล่นให้ตัวเองและคนที่รักครับ
ฟลุ๊ค : เล่นแต่เด็กเพราะคุณพ่อชอบครับ แต่ตอนแรกไม่ชอบ แต่พอเริ่มเล่นกีตาร์แล้วผมชอบพี่เสก LOSO ก็ย้อนฟังว่าเขามีใครเป็นไอดอลก็เจอ Jimi Hendrix, The Door, Deep Purple ก็ไล่มา 70 80 และ 80
Hard Boy
เรามาอยู่ Gene Lab ได้อย่างไร อะไรคือสิ่งที่ทำให้วงที่จบงานเองได้แบบเรา เลือกบ้านหลังนี้
ภีร์ : มีอยู่วันหนึ่งผมอยู่คอนโด และมีเบอร์คุณปัณฑพลโทรขึ้นมา ก็แบบเขาจะโทรหากูทำไม ก็รับสายสวัสดีครับพี่โอม ก็บอกว่า Gene Lab อยากได้ Hard Boy ก็กรี๊ดลั่นห้องเลย ก็บอกว่าวงสะดวกวันไหนมาคุยที่ค่ายหน่อย ก็วางสายนัดประชุมวงและแจ้งข่าวว่าเขาติดต่อมา ก็ตอนนั้นปล่อยเพลงไป 2 เพลงและเขาติดต่อมาครับ ผมตามค่ายนี้อยู่แล้ว และในไทยมีค่ายเราเล็ง และ Gene Lab คือหนึ่งในนั้น ก็ตามศิลปินและดูแนวคิดพี่โอมในฐานะผู้บริหารว่าแกคิดยังไง แล้วแกดูแลศิลปินยังไง ก็มาคุยในวงว่าอยู่ดีไหม เรื่องลิขสิทธิ์ก็คิดและคุยกัน แต่สุดท้ายผลประโยชน์มันกลับมาที่เรา เขาแบ่งชัดเจน เราแบ่งให้เขาในฐานะคนที่ลงทุนให้เรา ส่วนที่เราได้ในฐานะนักแต่งเพลงก็ได้ ไม่ได้กังวลเท่าไหร่ครับ ประกอบกับเดิมทีเราทำกันเองเป็นวงอิสระก็ทำเอง อาร์ตเวิร์ค โปรโมต งานหลังบ้าน สินค้า เอ็มวี เราต้องทำเองหมดก็เหนื่อยมาก เอ็มวี 1 ตัวก็ต้องลงขันกัน ทำเสื้อขายกว่าจะมีเงินเข้าห้องอัด ก็อยู่ค่ายมีบุคลากรซัพพอร์ทดีกว่าครับ
อยู่ในค่ายนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ภีร์ : ก็มีพี่ เชา Cocktail (ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย) เป็นโปรดิวเซอร์ ตัดส่วนเกิน เพิ่มส่วนขาด มีเพลงนี้ๆ ช่วยกันคิด ช่วยกันเลือกว่าเพลงไหนปล่อยอะไร ตรงนี้ดีหรือยัง
Hard Boy
ทำไมถึงแนะนำตัวกับค่ายด้วยเพลง “ค่ำคืนนั้น”
ภีร์ : “ค่ำคืนนั้น” เป็นเพลงที่ปล่อยออกมาให้คนรู้ว่า Hard Boy เป็นใคร มันคือแบบนี้ ภาพและเสียง อุปกรณ์เครื่องดนตรีตรงยุค อย่างกลองก็ยุค 80 แอมป์ที่ฟลุ๊คใช้ก็ยุคนั้น เอ็มวีก็ 4 ต่อ 3 เป็นเรทโทรทั้ง เอ็มวีก็ฟีดแบคดี เกือบล้าน ก็ดีสุดที่ปล่อยมาครับ
เล้ง : อยากให้วิชวลชัดว่าเราเป็นวงอะไร คือทุกอย่างไม่ว่าแฟชั่น เอ็มวี แสงสี วิดีโอ อยากให้ชัดเจนว่านี่คือตัวเรา
อะไรคือสิ่งที่ทำให้วงใส่ใจดีเทลขนาดนี้ทั้งเพลงและสินค้าที่ปล่อยออกมา
ภีร์ : มันเป็นสิ่งที่เรารัก เราอยากเผยแพร่สิ่งที่เรารัก เลยใส่ใจเป็นพิเศษ มีแพชชั่นความต้องการว่าอยากได้อย่างดี เลยลงดีเทลว่าต้องการอะไร เสื้อกับอาร์ตเวิร์คก่อนอยู่ค่ายผมก็ออกแบบ แต่ตอนนี้มีทีมค่ายช่วยครับ แบบเราอยากได้อะไรเขาก็ทำให้ครับ และตามใจเรามากๆ ครับ
Hard Boy
“เธอชอบมันหรือชอบร้องไห้มากกว่ากัน” ต่างจากเพลงแรกอย่างไร
ภีร์ : ต่างครับ เราต้องละเอียดกับการร้อยเรียงอารมณ์ เพลงเร็วมันจะใส่ๆ เพลงช้ามันจะต้องละเอียดกว่านั้นมากๆ วิธีที่เขียนต้องใช้ทำนองมาก่อน และหาคำมาเข้ากับเมโลดี้ แต่เพลงนี้ผมเขียนกับวง ก็มีโจทย์ “เธอชอบมันหรือชอบร้องไห้มากกว่ากัน” ว่าฮุค พรีฮุค เวิร์ส ต้องการแบบนี้ และร้องออกมาเลยครับ เพลงนี้ก็ค่อนข้างเรียลไทม์ครับ เขียนจากการแจมและอ่านสิ่งที่เขียนเลยต่างกันครับ
อยากเห็นอะไรในวงการเพลงศิลปินแฮร์แบนด์ แกลมร็อค ไทยบ้าง
ภีร์ : อยากเห็นผู้ชายไว้ผมยาว ผมอยากเห็นคนลุคขึ้นมาแต่งตัว แต่งหน้า อยากเห็นการลดลงเส้นแบ่งระหว่างเพศ อยากเห็นอะไรที่สนุกขึ้นครับ
ณ จุดหนึ่งแนวดนตรี หรือศิลปินที่แตกต่างมักเจอการตั้งคำถาม เราคิดอย่างไร กังวลไหม
ภีร์ : ไม่นะครับ ร็อคเนี่ยมันอยู่กับไทยมานาน คนยุคนี้ต้องรู้จัก เคยมีมาก่อน แต่ถ้าเป็นน้องๆ คนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่เปิดกว้างไม่ค่อยปฎิเสธ อะไรที่ไม่ชอบก็จะไม่สนใจ อะไรที่ชอบก็จะศึกษาต่อ เพราะฉะนั้นไม่กังวลว่าจะเจอคนที่ไม่ชอบ มันก็มีคนที่โจมตีบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรครับ รสนิยมใคร รสนิยมมันครับ
ภู : เป็นตัวเลือกให้คนแล้วกันครับ ถ้าชอบไม่ชอบ ก็เปิดใจ อาจจะชอบก็ได้ ถ้าไม่เคยฟังก็อาจไม่เคยเจอดนตรีแบบนี้มาก่อน เราเป็นตัวเลือกแล้วกัน
Hard Boy
แล้วถ้ามีคนที่อยากเป็นแบบ Hard Boy เราจะบอกอะไรเขา
ภีร์ : มาเลย! จะดีใจมากๆ ถ้ากลุ่มนี้มันโตขึ้น ถ้าทำเยอะแสดงว่าคนฟังเยอะ แล้วมันจะขยายตาม ถ้าแนวไหนมีอยู่วงเดียวแสดงว่าแนวนั้นไม่โต ก็มาเลย มาอยู่บนเวทีเดียวกัน มาเล่นด้วยกันครับ
ภู : วงดนตรีแบบเดียวกันมาเล่นด้วยกัน มันมีความสนุกครับ ว่าแบบมีคนเล่นแบบเดียวกับเรา มันได้เจอเพื่อนใหม่ครับ
Hard Boy : มันเป็นพลังงานในการใช้ชีวิตนะครับ ก็เราได้พลังจากรุ่นอดีต ก็เป็นสิ่งที่ดี มันเป็นสิ่งที่ดีครับ วันหนึ่งที่คนอยากทำแบบเรา แสดงว่าเรามีคุณค่ามากพอที่จะมีอิทธิพลกับเขา สิ่งนั้นมันดีมากๆ เรามีไอดอล แล้วถ้าวันหนึ่งมีคนอยากเป็นแบบเรา พูดแล้วก็ขนลุกเลยครับ
หลังจากนี้ Hard Boy จะมีอะไรให้ติดตามบ้าง
ภีร์ : มีวางแผนทำอัลบั้มกัน เพราะทำเพลงเก็บไว้พอสมควรแล้ว มีเพลงมากพอทำอัลบั้มแล้ว ก็จะหลากหลายครับ ใครที่ชอบ Hard Boy สิ่งที่คุณชอบยังมีอยู่ แต่จะได้เห็นเพิ่มเติมครับ
อยากให้ Hard Boy ถูกจดจำอย่างไร
Hard Boy : วงที่เท่และผมยาว (หัวเราะ) ผมอยากให้เห็นว่ายุค 2020 มีวงแบบเราและอยู่ไปเรื่อยๆ ครับ เป็นความรู้สึกเดียวกัน ที่เห็นวงที่เราชอบและอยู่ถึงทุกวันนี้ อยากให้คนพูดถึงแบบนี้ คือบอกว่าอยากเป็นตำนานก็ดูเว่อร์ เพ้อเจ้อ เหมือนเด็กอยากเป็นร็อคสตาร์ แต่เราอยากเป็น และถ้าเป็นได้แล้วมองกลับมาคงดีใจครับ อยากให้ร็อคมีซีนในวงการมากกว่านี้ คิดถึงยุคที่ใครๆ ก็ฟังเพลงร็อค แต่เดี๋ยวนี้คนฟังเพลงที่ชอบแบบไม่มีสื่อป้อนแล้วครับ แต่ก็ทำเพลงและอยากให้เข้าถึงคนเยอะๆ ครับ อยากให้คนไม่ได้ฟังร็อคมาฟังดูครับ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.